ระหว่างการประชุมสุดยอดคณะมนตรียุโรปที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งพูดคุยผ่านระบบสื่อสารทางไกล ได้เรียกร้องผู้นำชาติยุโรปอนุมัติความช่วยเหลือด้านกระสุนปืนใหญ่เป็นเงินอีก 5 พันล้านยูโร หรือประมาณ 180,000 ล้านบาท ให้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ผลักดันโดย คายา คัลลัส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป
ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนได้เรียกร้องรัสเซียหยุดสร้างข้อเรียกร้องที่ไม่จำเป็นซึ่งมีแต่จะทำให้สงครามยึดเยื้อออกไป หลังประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ตั้งเงื่อนไขในการหยุดยิงหลายข้อ ซึ่งรวมถึงการกดดันให้ชาติพันธมิตรตะวันตกหยุดส่งความช่วยเหลือทางทหาร
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกียังเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของยูเครนและสหรัฐฯ จะพบปะหารือกันที่ซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ที่ 24 มี.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัฐบาลรัสเซียจะส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียเช่นกัน
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังเตือนว่า การนำเรื่องการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตของยูเครนออกจากกระบวนการจรจาจะกลายเป็นการมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่รัสเซีย พร้อมทั้งย้ำว่า จะไม่ผ่อนปรนจุดยืนเกี่ยวกับการนำดินแดนยูเครนที่สูญเสียไปกลับคืนมา รวมทั้งภูมิภาคไครเมีย
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังได้ปฏิเสธการมอบความเป็นเจ้าของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริสเซีย ที่ตอนนี้ถูกรัสเซียควบคุม ให้แก่สหรัฐฯ ตามแนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ไม่ปิดโอกาสหากสหรัฐฯ จะยึดโรงงานไฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้คืนจากรัสเซีย เพื่อลงทุนพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น
สำหรับประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีเซเลนสกีต่างได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และได้ยอมรับหลักการเรื่องการหยุดยิง แต่การบังคับใช้ยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากยังมีเงื่อนไขขัดแย้งกันอีกหลายข้อ
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษได้เป็นเจ้าภาพการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพจากประเทศพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนการสร้างกองกำลังรักษาสันติภาพแบบสมัครใจในยูเครน
ซึ่งนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำอังกฤษ ระบุว่า แผนการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพนี้จะมีฝรั่งเศสและอังกฤษเป็นแกนนำ พร้อมทัั้งย้ำว่า หากยูเครนไม่ได้รับความคุ้มครอง รัสเซียอาจจะละเมิดเงื่อนไขการหยุดยิง
โดยขณะนี้แผนดังกล่าวกำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการเริ่มนำไปปฏิบัติ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีประเทศใดบ้างที่ต้องการส่งทหารเข้าร่วมภารกิจ อีกทั้งยังไม่สามารรถคาดการณ์ได้ว่าการหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเกิดขึ้นหรือไม่