เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อสั่งเริ่มกระบวนการยุบกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2024
“เราจะปิดกระทรวงโดยเร็วที่สุด มันไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับเราเลย” ทรัมป์กล่าวหลังจากลงนาม โดยเขาเรียกร้องมานานแล้วให้ยุบกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากมองว่าเป็นหน่วยงานที่มีค่าใช้จ่ายสูงแต่ได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า
ทรัมป์กล่าวว่า “สหรัฐฯ ใช้จ่ายเงินด้านการศึกษามากกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างมาก แต่นักเรียนกลับอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของรายชื่อในแง่ของความสำเร็จ”
อย่างไรก็ตาม คาดว่าคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับนี้จะเผชิญกับอุปสรรคด้านกฎหมาย แบบเดียวกับแผนไล่คนออกจำนวนมาก การตัดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง และเป้าหมายในการลดการใช้จ่าย ต่างก็เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมาย
ในพิธีลงนาม ทรัมป์ยกย่อง ลินดา แม็กมาฮอน ซึ่งเขาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และแสดงความหวังว่า เธอจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการคนสุดท้าย เขากล่าวว่า เขาจะหา “อย่างอื่น” ให้เธอทำภายในรัฐบาล
ทั้งนี้ หากทรัมป์ปิดกระทรวงไม่สำเร็จก็คาดว่าอาจใช้วิธีตัดงบประมาณและเจ้าหน้าที่แทนได้ เช่นเดียวกับที่ทำกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งต่อมาต้องหยุดโครงการและงานด้านมนุษยธรรมหลายอย่างของหน่วยงานดังกล่าว
กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 โดยมีหน้าที่ดูแลเงินทุนสำหรับโรงเรียนของรัฐ บริหารเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และดำเนินโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนที่มีรายได้น้อย
ทรัมป์กล่าวหาว่า กระทรวงนี้ปลูกฝังเยาวชนด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเชื้อชาติ เพศ และการเมือง
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ กระทรวงนี้มีอำนาจควบคุมโรงเรียนในสหรัฐฯ และกำหนดหลักสูตร แต่ความจริงแล้วโรงเรียนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยระดับรัฐและเขตปกครองท้องถิ่น
นอกจากนี้ หน่วยงานยังมีบทบาทสำคัญในการบริหารและดูแลเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของรัฐบาลกลาง
รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า ทรัมป์จะพยายามยุติโครงการบางส่วนของกระทรวงศึษาธิการและย้ายบางโครงการไปอยู่ภายใต้กระทรวงอื่น เช่น กระทรวงการคลัง
ด้านสหพันธ์ครูแห่งอเมริกา (AFT) ออกมาประณามแผนการของทรัมป์ โดยกล่าวว่าเขา “ไม่สนใจโอกาสสำหรับเด็กทุกคน”
ในแถลงการณ์ AFT ระบุว่า “ไม่มีใครชอบระบบราชการ และทุกคนต่างก็สนับสนุนประสิทธิภาพที่มากขึ้น ดังนั้น เรามาหาวิธีทำให้สำเร็จกันเถอะ แต่อย่าใช้ ‘สงครามต่อต้าน woke’ เพื่อทำร้ายเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในความยากจนและเด็กที่มีความทุพพลภาพ เพื่อจ่ายเงินสำหรับบัตรกำนัลและการลดหย่อนภาษีให้กับเหล่ามหาเศรษฐี”
เด็กๆ ในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐ ซึ่งฟรีและบริหารงานโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เงินทุนเกือบทั้งหมดมาจากภาษีของรัฐและท้องถิ่น และการตัดสินใจเรื่องหลักสูตรจะทำโดยรัฐบาลของรัฐและเขตการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ มีพนักงานราว 4,400 คน ถือเป็นหน่วยงานที่เล็กที่สุดในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีทรัมป์ และใช้งบประมาณของรัฐบาลกลางทั้งหมดไม่ถึง 2% โดยเจ้าหน้าที่เกือบ 2,100 คนในหน่วยงานจะถูกพักงานตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.
เรียบเรียงจาก BBC