หากสัตว์เลี้ยงของคุณหายตัวไปนานมากกว่า 1 ปี หลายคนอาจหมดหวังแล้วในการจะตามหาพวกมันให้เจอ แต่ไม่ใช่กับเจ้าหน้าที่ที่ออสเตรเลีย ซึ่งใช้เวลามากกว่า 500 วันในการตามหา “วาเลรี” สุนัขพันธุ์มินิดัชชุนด์ (Miniature Dachshund) ซึ่งหายตัวไปบนเกาะจิงโจ้ (Kangaroo Island) ตั้งแต่ปี 2023
โดยเมื่อเดือน พ.ย. 2023 จอร์เจีย การ์ดเนอร์ และแฟนหนุ่มของเธอ โจชัว ฟิชล็อก ได้เดินทางไปตั้งแคมป์ที่สโตกส์เบย์ บนเกาะดังกล่าว โดยทิ้งวาเลรีไว้ในคอกกั้นชั่วคราวที่บริเวณตั้งแคมป์ขณะที่ทั้งคู่ไปตกปลา
แต่เมื่อพวกเขากลับมา วาเลรีกลับหายตัวไปแล้ว
ทั้งคู่และหน่วยงานอาสาสมัคร Kangala Wildlife Rescue พยายามตามหาเจ้าวาเลรีอย่างไม่ย่อท้อ จนสุดท้ายหลังผ่านไป 529 วัน พวกเขาก็หามันพบในที่สุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา
Kangala Wildlife Rescue ระบุว่า “หลังจากความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหลายสัปดาห์ วาเลรีได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงดี”
หน่วยงานกล่าวว่า ทีมอาสาสมัครใช้เวลาค้นหาวาเลรีรวมแล้วกว่า 1,000 ชั่วโมง โดยเดินทางกว่า 5,000 กม.
ในช่วงไม่กี่วันแรกหลังจากที่วาเลรีหายตัวไป มีนักท่องเที่ยวคนอื่นสังเกตเห็นมันอยู่ใต้รถที่จอดอยู่ ซึ่งทำให้สุนัขตกใจและวิ่งหนีเข้าไปในป่าพรุ
หลายเดือนต่อมา ชาวเกาะรายงานว่า พบปลอกคอสีชมพูคาดว่าเป็นของวาเลรี ซึ่งทำให้ทีมค้นหามีความหวังว่า มันน่าจะยังมีชีวิตอยู่
จากนั้นในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เริ่มมีรายงานว่าพบตัววาเลรีปรากฏในกล้องวงจรปิด ภาพหนึ่งดูเหมือนจะแสดงให้เห็นวหูขนาดใหญ่ของมันโผล่ขึ้นมาเหนือตอซังในคอกแห่งหนึ่ง
นั่นทำให้ จาเร็ด คาร์แรน ผู้อำนวยการของ Kangala Wildlife Rescue ประหลาดใจมาก เนื่องจากเกาะจิงโจ้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยใหญ่กว่าสิงคโปร์ราว 6 เท่า และเต็มไปด้วยป่าพรุ รวมถึงสัตว์ร้ายทั้งงูและนกอินทรี ทำให้เป็นเรื่องยากที่สัตว์เลี้ยงซึ่งไม่ใช่สัตว์ป่าจะรอดชีวิตอยู่ได้
คาร์แรนกล่าวว่า “ในบรรดาสุนัขทั้งหมด ผมคิดว่าสุนัขตัวนี้จะเป็นตัวสุดท้ายที่จะรอดชีวิต แต่พวกมันก็มีประสาทรับกลิ่นที่ดี”
ทีมค้นหาจึงเริ่มวางแผนใช้วิธีล่อวาเลรีให้ออกมาแทน โดยพยายามติดตามความเคลื่อนไหวของมันผ่านกล้องวงจรผิด จากนั้นจึงนำกรงดักสัตว์ที่ใช้ระบบประตูรีโมตมาตั้งไว้ในบริเวณล่าสุดที่มีเบาะแส แล้วใส่อาหาร เสื้อผ้าของการ์ดเนอร์ และของเล่นของวาเลรีจากบ้านไว้ข้างในกรง
การ์ดเนอร์ส่งเสื้อยืดที่เธอสวมให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งช่วยนำไปสู่การจับวาเลรีได้ โดยสร้าง “เส้นทางกลิ่น” ไว้ภายในกับดักสุนัขขนาดใหญ่
คาร์แรนอธิบายว่า การกู้ภัยวาเลรีเป็นเหมือนปฏิบัติการ “รถไฟเหาะ” พวกเขาต้องรอจนกว่าวาเลรีจะอยู่ในกับดักและสงบลงเพียงพอที่จะแน่ใจว่าเธอจะไม่พยายามหลบหนีอีก
“เธอตรงไปที่มุมด้านหลังซึ่งเป็นที่ที่เราต้องการให้เธออยู่ ผมกดปุ่ม และโชคดีที่ทุกอย่างทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมรู้ว่าผู้คนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เช่น 'ทำไมมันถึงใช้เวลานานมาก' แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เบื้องหลัง” เขากล่าว
หลังจากการช่วยเหลือวาเลรีที่รอคอยมานาน การ์ดเนอร์กล่าวว่า “สำหรับทุกคนที่เคยสูญเสียสัตว์เลี้ยง ความรู้สึกของคุณมีค่าและอย่าหมดหวัง”
ทั้งนี้ทีม Kangala Wildlife Rescue คาดว่า ในช่วงนี้ วาเลรีน่าจะยังมีภาวะเครียดจากการอยู่ในโหมดเอาชีวิตรอดมาเป็นเวลานาน “สุขภาพจิตของมันเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดที่เราเป็นกังวล”
นอกจากนี้ สิ่งที่เคยปกติสำหรับวาเลรี เช่น บ้าน มนุษย์ กลิ่น สัตว์อื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่วาเลรีจะต้องเรียนรู้ใหม่
คาดว่าวาเลรีจะต้องอยู่บนเกาะจิงโจ้ต่ออย่างน้อย 1 สัปดาห์เพื่อให้หายจากภาวะเครียดก่อน “เราอยากส่งมันกลับไปหาเจ้าของผู้แสนดีให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่ทำให้มันต้องประสบกับความบอบช้ำหรือความเครียดอีกต่อไป เพราะไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเอาตัวรอดบนเกาะถึง 16 เดือน คงจะต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก”
เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian