อิหร่านยันไม่เจรจานิวเคลียร์ หากอิสราเอลไม่หยุดโจมตี

“อับบาส อะรอกชี” รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ประกาศว่า รัฐบาลเตหะรานจะพิจารณาแนวทางทางการทูตก็ต่อเมื่อการรุกรานของอิสราเอลยุติลงแล้วเท่านั้น หลังเข้าพบหารือกับนักการทูตยุโรปในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเรียกร้องให้อิหร่านฟื้นความพยายามทางการทูตกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์

นอกจากนี้ยังย้ำว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่านมีวัตถุประสงค์เพื่อสันติ การโจมตีของอิสราเอลเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

Reuters/Reuters

ซึ่งอิหร่านจะใช้สิทธิในการป้องกันตัวเองที่ถูกต้องชอบธรรมต่อไป พร้อมเสริมว่าขอประกาศให้ชัดเจนว่า ความสามารถในการป้องกันตนเองของอิหร่านไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปต่อรองได้

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลเตือนว่าความขัดแย้งกับอิหร่านอาจยืดเยื้อ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจากการยิงตอบโต้กันไปมา หลังจากอิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธชุดใหม่เข้าสู่พื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งตอบโต้ด้วยการถล่มเป้าหมายหลายสิบแห่งในอิหร่านเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น

ด้าน “เอยาล ซามีร์” ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล ออกแถลงการณ์ผ่านวิดีโอระบุว่า อิสราเอลควรเตรียมความพร้อมสำหรับการสู้รบที่ยืดเยื้อ และเตือนถึงวันที่ยากลำบากในอนาคตข้างหน้า

ขณะที่ทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติกล่าวหาอิหร่านว่า มีวาระการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และยังเป็นภัยคุกคามต่อเนื่อง โดยย้ำว่าอิสราเอลจะไม่ยุติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านจนกว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะถูกรื้อถอนออกทั้งหมด

ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ลงพื้นที่เยือนสถาบันวิจัยที่ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตี ยืนยันว่า การโจมตีอิหร่านจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น

ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า อิหร่านมีเวลาสูงสุด 2 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ และระบุว่า เขาอาจจะตัดสินใจก่อนถึงเส้นตาย 14 วันที่ตั้งไว้ได้

อิสราเอลเปิดฉากการโจมตีอิหร่านตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่าอิหร่านกำลังจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่อิหร่านโต้ตอบด้วยการยิงขีปนาวุธและโดรนใส่อิสราเอล

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้ทำลายฐานทัพและอาวุธของอิหร่าน รวมถึงสังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ในโครงการนิวเคลียร์ไปเป็นจำนวนมาก

กระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 224 คน แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งหนึ่งระบุว่ายอดเสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงถึง 639 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลเพิ่มเป็น 25 คน