เทสลาอ่วม! ศาลสั่งจ่ายค่าเสียหายเกือบ 8 พันล้านบาท ให้เหยื่อระบบขับขี่อัตโนมัติ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ศาลสหรัฐฯ สั่งให้บริษัทเทสลาต้องจ่ายเงินค่าเสียหายมากถึงเกือบ 8 พันล้านบาท จากคดีอุบัติเหตุที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot)

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. คณะลูกขุนในไมอามี รัฐฟลอริดา มีคำสั่งให้บริษัทเทสลา (Tesla) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ต้องจ่ายเงินชดเชยมากกว่า 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่เหยื่อจากอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อปี 2019 ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) ของรถยนต์เทสลา

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ จอร์จ แม็กกี ขับรถเทสลารถรุ่น Model S ขับรถพุ่งชนคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังดูดาวอยู่จนฝ่ายหญิงเสียชีวิต และฝ่ายชายบาดเจ็บสาหัส

ศาลสั่งเทสลาจ่ายค่าเสียหายเกือบ 8 พันล้านบาท ให้เหยื่อระบบขับขี่อัตโนมัติ AFP/HECTOR RETAMAL
เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ของโลก

ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยื่นฟ้องบริษัทเทสลา ศาลไต่สวนได้ความว่า ขณะเกิดเหตุ แม็กกีละสายตาจากถนนเมื่อเขาทำโทรศัพท์หล่นขณะกำลังเข้าใกล้สี่แยก ทำให้รถของเขาขับต่อไปและพุ่งชนรถ SUV ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนเหยื่อทั้งสองยืนอยู่ใกล้ ๆ

ทั้งแม็กกีและซอฟต์แวร์ Autopilot ของเทสลาต่างไม่ได้เหยียบเบรกทันเวลาเพื่อป้องกันการชน

ในคำให้การในชั้นศาล แม็กกีบอกว่า“ผมเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้มากเกินไป ผมเชื่อว่าถ้ารถเห็นอะไรอยู่ข้างหน้า มันจะส่งสัญญาณเตือนและเบรก”

ด้านทนายความของเทสลาโต้แย้งในศาลว่า ไม่มีรถยนต์คันใดสามารถป้องกันการชนได้ เพราะคนขับ “ประมาท” และ “ก้าวร้าว”

ท้ายที่สุด คณะลูกขุนของรัฐบาลกลางในไมอามีตัดสินว่า เทสลาต้องรับผิดชอบอย่างมากต่ออุบัติเหตุครั้งนั้น เนื่องจากเทคโนโลยีของบริษัทล้มเหลว และไม่ใช่ความผิดทั้งหมดที่จะตกอยู่กับความประมาทของผู้ขับขี่

คณะลูกขุนตัดสินว่า เทสลามีส่วนรับผิดชอบส่วนหนึ่งต่ออุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนที่เหลือเป็นความผิดของแม็กกี

คณะลูกขุนยังตัดสินให้เหยื่อต้องได้รับค่าเสียหายเชิงชดเชย (compensatory damages) 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.2 พันล้านบาท) โดยเทสลาจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้ 33% หรือ 42.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.38 พันล้านบาท) และเทสลายังต้องจ่ายค่าเสียหายเชิงลงโทษ (punitive damages) อีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.5 พันล้านบาท) ให้แก่กองมรดกของผู้เสียชีวิต

รวมแล้วเทสลาต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 242.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.88 พันล้านบาท)

คำตัดสินนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับบริษัทรถยนต์ของ อีลอน มัสก์ เนื่องจากเป็นการเปิดช่องให้เกิดคดีความอื่น ๆ ที่คล้ายกัน และอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงด้านความปลอดภัยของเทสลา

บริษัทรถยนต์อื่น ๆ เอง ต่างจับตามองคำตัดสินนี้อย่างใกล้ชิด เพราะพวกเขากำลังพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้เองมากขึ้นเช่นกัน

ในคำแถลงปิดคดี เบรตต์ ชไรเบอร์ ตัวแทนโจทก์ ได้กล่าวหาเทสลาว่า โฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับความสามารถของเทคโนโลยี Autopilot และกล่าวว่า บริษัททราบดีว่าฟังก์ชัน Autopilot จะเพิ่มโอกาสที่ผู้ขับขี่จะเสียสมาธิ “พวกเขารู้มาตลอดว่าระบบ Autopilot มีข้อบกพร่อง”

ด้านเทสลากล่าวว่า จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน “คำตัดสินในวันนี้ผิดพลาด และเป็นเพียงการถ่วงเวลาความปลอดภัยของยานยนต์ และเป็นอันตรายต่อความพยายามของเทสลาและอุตสาหกรรมทั้งหมดในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีช่วยชีวิตมาใช้”

“เพื่อความชัดเจน ไม่มีรถยนต์คันใดในปี 2019 และไม่มีคันใดในปัจจุบันที่จะป้องกันอุบัติเหตุครั้งนี้ได้” บริษัทกล่าว

คำตัดสินนี้อาจบั่นทอนความทะเยอทะยานของบริษัทในการเปิดตัวบริการรถยนต์ไร้คนขับ Robotaxi ทั่วสหรัฐฯ มัสก์ได้ออกมาประกาศอย่างทะเยอทะยานหลายครั้งเกี่ยวกับบริการดังกล่าว

เทสลาได้เริ่มทดสอบบริการ Robotaxi แล้วในออสตินและซานฟรานซิสโก แต่ในระยะทดสอบ รถยนต์ยังคงต้องมีคนขับอยู่ด้วย

 

เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ