เมื่อวันที่ 18 ส.ค. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนไปมากกว่า 6,000 ใบแล้วในปี 2025 นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงดำเนินการปราบปรามนักศึกษาต่างชาติบางรายที่รัฐบาลระบุว่าได้ฝ่าฝืนกฎหมาย
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า วีซ่าถูกเพิกถอนเนื่องจากชาวต่างชาติเหล่านี้ยังอยู่ต่อหลังจากวีซ่าหมดอายุหรือฝ่าฝืนกฎหมาย โดยระบุว่า กรณีส่วนใหญ่ของการละเมิดกฎหมายเป็นกรณีทำร้ายร่างกาย ขับรถขณะมึนเมา ลักทรัพย์ และ “สนับสนุนการก่อการร้าย”
เจ้าหน้าที่ระบุว่า วีซ่าประมาณ 4,000 ใบ จากทั้งหมด 6,000 ใบ ถูกเพิกถอนเนื่องจากผู้ถือวีซ่า “ฝ่าฝืนกฎหมาย” โดยวีซ่าประมาณ 200 ถึง 300 ใบถูกเพิกถอนเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าก่อการร้าย
ภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ ระบุว่า ชาวต่างชาติอาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสหรัฐฯ “เนื่องจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย”
การเพิกถอนวีซ่าจำนวนมากเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินการอย่างแข็งกร้าวต่อมหาวิทยาลัยและที่เกี่ยวข้องกับวีซ่านักเรียน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้พุ่งเป้าไปที่นักศึกษาต่างชาติที่เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านสงครามในฉนวนกาซา โดยกล่าวหาว่านักศึกษาเหล่านั้นต่อต้านชาวยิวและสนับสนุนการก่อการร้าย
ในเดือน มิ.ย. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสถานทูตและสถานกงสุลว่า ต้องตรวจสอบผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนว่ามี “ทัศนคติที่เป็นปรปักษ์ต่อพลเมือง วัฒนธรรม รัฐบาล สถาบัน หรือหลักการก่อตั้งประเทศสหรัฐฯ” หรือไม่
ผู้สมัครจะถูกขอให้ตั้งค่าโปรไฟล์โซเชียลมีเดียเป็นสาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบ และ “การเข้าถึงหรือการมองเห็นข้อมูลออนไลน์อย่างจำกัดอาจถูกตีความว่าเป็นความพยายามในการหลบเลี่ยงหรือปกปิดกิจกรรมบางอย่าง”
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาปกป้องนโยบายของรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับการเพิกถอนวีซ่านักเรียนอย่างจริงจัง
รูบิโอกล่าวเมื่อต้นเดือน ส.ค. ว่า “ไม่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการขอวีซ่านักเรียน วีซ่านักเรียนเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจมอบให้คุณ”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2024 มีการออกวีซ่านักเรียน หรือที่รู้จักกันในชื่อวีซ่า F1 ประมาณ 400,000 ฉบับ คาดว่าจะมีการออกวีซ่าน้อยลงมากในปีนี้
เรียบเรียงจาก CNN
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
