คือ ขั้นแรก ทีมแพทย์จะให้การตรวจโดยดูเปอร์เซนต์การตีบของเส้นเลือด ผ่านทางค่าสถิติต่างๆ และเลือกรูปแบบการรักษา ต่อมา คือ การใช้เครื่องมือช่วยวัดอัตราการไหลเวียนของเส้นเลือด เพื่อให้รู้ค่าสัดส่วนความดันเลือดที่ตีบของผู้ป่วย และ ขั้นตอนสุดท้ายคือ แพทย์จะทำการพิจารณาโดยละเอียดว่าผู้ป่วยมีอาการหลอดเลือดตีบมากน้อยขนาดไหน ทั้งนี้ จะต้องมีการประเมินจาก 3 ขั้นตอนดังกล่าว มาวินิจฉัยวิเคราะห์อย่างแม่นยำก่อน เพราะหลอดเลือดของผู้ป่วยในแต่ละบุคคลนั้นจะมีระดับการรักษาที่ยากง่ายต่างกัน สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยเทคนิคสายสวนผ่านทางข้อมือ มีข้อดีคือ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ลดระยะเวลาการพักฟื้น ผู้ป่วยสามารถลุกได้ทันทีหลังการผ่าตัด อีกทั้งยังสามารถทำการรักษาได้ทั้งข้อมือซ้ายและข้อมือขวา ซึ่งนับได้ว่าเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจค่ะ