สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งก้าวขาเข้าสู่การทำการตลาดออนไลน์ อาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อโปรโมตใน Facebook หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้ว หนึ่งในวิธีที่จะทำให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับคือการทำ SEO ซึ่งในการทำ SEO นั้นนอกจากจะช่วยผลักดันใหธุรกิจที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายแล้ว SEO ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วย แต่สำหรับผู้ประกอบธุรกิจมือใหม่หากต้องการหาเครื่องทำ SEO แต่ไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน
วันนี้เราขอมาแนะนำข้อมูลของการการทำการตลาดออนไลน์ในเรื่องนี้กัน
ถึงแม้ว่าการทำ SEO จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้สินค้าหรือบริการอยู่ในหน้า Google แรกๆ หากมีคนสนใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการในประเภทที่คุณทำอยู่ และทำการค้นหาข้อมูลว่าสินค้ายี่ห้อไหนบ้างที่ได้รับความนิยม หรือมีขายในท้องตลาด และหากกลุ่มลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ของคุณอยู่ในหน้าค้นหาในลำดับต้นๆ ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นและสนใจซื้อสินค้าของคุณในที่สุด
เรามาดูกันว่าหากคุณต้องการเริ่มต้นทำ SEO คุณควรจะเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง
1. รู้ข้อมูลเบื้องต้นในการทำ SEO มาบ้าง
หนึ่งในเครื่องมือทำ SEO ที่คุณจะต้องมีนั้นคือความรู้เบื้องต้นในการทำการตลาดในด้านนี้ เพราะหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า SEO นั้นไม่ใช่ทำวันนี้แล้วพรุ่งนี้เห็นผล แต่จะต้องอาศัยระยะเวลาในการทำให้ลูกค้าเห็นถึงความเชื่อมั่น ซึ่งอาจจะเห็นผลได้ในเวลา 3 - 6 เดือน และเมื่อไหร่ก็ตามที่บทความหรือคอนเทนต์ของคุณไปติดอันดับแรกๆ ใน Google คุณก็จะเห็นความแตกต่าง เพราะจะเริ่มมีกลุ่มลูกค้าสนใจในสินค้าของคุณ และกลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญที่รู้วิธีการทำ รวมถึงมีเครื่องมือทำ SEO อย่างรอบด้าน ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า เพราะหากคุณลงมือทำเอง อาจจะต้องอาศัยเวลาในการศึกษาและยืดเวลาในการทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักนานไปอีก
2. มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
เครื่องมือทำ SEO ที่มีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คุณจำเป็นจะต้องใช้ก็คือ การมีเว็บไซต์เกี่ยวกับบริการหรือสินค้าของคุณ เพราะเมื่อคุณมีเว็บไซต์แล้วก็จะทำให้ง่ายขึ้นกับการสร้างสรรค์บทความ ด้วยการนำ keyword ที่มีการค้นหามาเป็นอย่างดี และเป็น keyword ที่มีการใช้ค้นหาที่เชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการของคุณ จากนั้นนำมาเขียนในบทความด้วยการนำ keyword เหล่านี้มาร้อยเรียงให้เข้าใจง่าย และเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ระบบการทำงานของ Google วิเคราะห์ และรู้ว่าเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณเป็นบทความที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้บทความนั้นๆ ที่อยู่ในเว็บไซต์ของคุณสามารถไปติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา ซึ่งจะส่งผลดีกับธุรกิจของคุณต่อไปในอนาคต