ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกและความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) สนับสนุนการประชุมภาคอุตสาหกรรมระดับชาติว่าด้วยห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทยที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืนเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงและความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์
ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยกำลังมุ่งเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวและความยั่งยืนท่ามกลางความไม่แน่นอนในระดับโลกที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งรวมถึงความตึงเครียดด้านการค้าและการเมือง การพัฒนาอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี และความคาดหวังต่อห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงไป
การประชุมภาคอุตสาหกรรมระดับชาติว่าด้วยห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ในประเทศไทยที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน จัดขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568
โดยการสนับสนุนจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) การประชุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นผู้นำทางอุตสาหกรรมกว่า 100 คน จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ในประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรลูกจ้างและองค์กรนายจ้าง สถาบันการศึกษา รวมถึงหน่วยงานหลักด้านการค้า เทคโนโลยี และนโยบาย
เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นและการดำเนินงานในระดับอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการขยายงานที่มีคุณค่า ผู้เข้าร่วมการประชุมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และกำหนดแนวทางความร่วมมือในการเร่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีมาตรฐานระหว่างประเทศ อาทิ ปฏิญญาไตรภาคีว่าด้วยว่าด้วยหลักการเกี่ยวกับบรรษัทข้ามชาติและนโยบายทางสังคม (MNE Declaration) เป็นแนวทาง
เมื่อกฎเกณฑ์และความคาดหวังในห่วงโซ่อุปทานมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างเผชิญกับกระแสเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นให้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ซึ่งรวมถึงการดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ในการป้องกัน บรรเทา และแก้ไขผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ กระบวนการนี้จำเป็นต้องอาศัยความเป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร อย่างไรก็ตาม งานวิจัยและประสบการณ์ชี้ให้เห็นว่าการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อมีการต่อยอดมาจากพื้นฐานของการเจรจาทางสังคมและการมีส่วนร่วมของแรงงาน
คุณคาโอริ นากามูระ-โอซากะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า “การผลิตยานยนต์ในประเทศไทยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และมีการจ้างงานแรงงานเกือบหนึ่งล้านคน ท่ามกลางห่วงโซ่อุปทานการผลิตยานยนต์ระดับโลกที่กำลังปรับตัว การประชุมในวันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการรวบรวมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญ เพื่อหารือแนวทางในการเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวของอุตสาหกรรมนี้ ควบคู่ไปกับการยกระดับการสร้างงานที่มีคุณค่าและแนวปฏิบัติการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ”
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยโครงการ “ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และยั่งยืน (RISSC) ในประเทศไทย” ของไอแอลโอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา โครงการ RISSC ในประเทศไทยได้สนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทางสังคมทั่วทั้งอุตสาหกรรม ด้วยการดำเนินการวิจัย การพัฒนาเครื่องมือและการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ด้านนโยบาย
โครงการนี้ได้จัดฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกว่า 200 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และคู่ค้า เพื่อส่งเสริมการเจรจาทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างแรงงานกับฝ่ายบริหาร อันเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านที่มีประสิทธิภาพ
“ด้วยการกำหนดให้การเจรจาทางสังคมและแรงงานสัมพันธ์ที่เข้มแข็งเป็นศูนย์กลางของแนวทางการดำเนินโครงการ เราไม่ได้พูดถึงเพียงแค่ความยั่งยืน แต่เรากำลังเสริมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ของไทย” คุณเดวิด วิลเลียมส์ ผู้จัดการโครงการ RISSC กล่าว “ในการดำเนินการดังกล่าว เรากำลังเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรม ให้ไม่เพียงแค่สามารถรับมือกับแรงกดดันในปัจจุบันแต่ยังสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อความท้าทายในอนาคต โดยให้การสร้างงานที่มีคุณค่าเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของภาคอุตสาหกรรมนี้”