“ธรรมชาติคือสมบัติส่วนรวม” แนวคิดจากอัปสรา เขาหลัก โรงแรมแห่งแรกของเครือข่ายนวัตกรรมศาสตร์พระราชา

ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถม มีธุรกิจจำนวนน้อยที่กล้า "เดินสวนกระแส" กับการแสวงหากำไรระยะสั้น โดยเลือกยืนหยัดบนเส้นทางที่อาจยากกว่า ใช้ต้นทุนสูงกว่า แต่สร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว หนึ่งในองค์กรที่เป็นแบบอย่างคือ โรงแรมอัปสรา บีชฟร้อนท์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ที่ตั้งอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติของเขาหลัก จังหวัดพังงา พื้นที่ซึ่งเคยประสบภัยสึนามิครั้งใหญ่ในปี 2547 โรงแรมแห่งนี้เป็นประจักษ์พยานชัดเจนว่า "การทำธุรกิจ" และ "การรักษาธรรมชาติ" ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ขัดแย้ง แต่สามารถเดินเคียงคู่กันไปได้อย่างกลมกลืนและงดงาม

คุณกันทิมา แสงหลี รองกรรมการผู้จัดการโรงแรมอัปสราฯ ผู้บริหารที่เลือกยืนอยู่บนเส้นทางสมดุลระหว่าง "ผลกำไร" และ "สิ่งแวดล้อม" ได้กล่าวไว้ในการบรรยายในโครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 51 ด้วยความเชื่อมั่นว่า "ธรรมชาติไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง หากทุกคนไม่ร่วมกันดูแลรักษา วันหนึ่งสิ่งที่เรามีอยู่ก็จะสูญสิ้นไปอย่างไม่อาจเรียกคืน" เธอกล่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "สำหรับเรา การทำธุรกิจโรงแรมไม่ใช่แค่เรื่องของกำไรขาดทุน แต่คือการสร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจกับระบบนิเวศโดยรอบ เราเชื่อว่าถ้าเราดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะดูแลเรากลับเช่นกัน"

หลักการ Green Hotel ที่โรงแรมอัปสรายึดถือจึงไม่ใช่เพียงคำโฆษณาหรือใบประกาศที่นำมาติดโชว์ในล็อบบี้ แต่คือแนวปฏิบัติที่ถูกนำมาใช้จริงในทุกๆ วัน ครอบคลุมทั้งระบบการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร การใช้พลังงานหมุนเวียน การลดการใช้พลาสติกในทุกมิติ การเฝ้าระวังและดูแลคุณภาพน้ำในธรรมชาติที่ไหลผ่านโรงแรม ตลอดจนการฟื้นฟูป่าชายเลนและการอนุรักษ์เต่าทะเลที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่าทศวรรษ สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือการทำงานในรูปแบบ "พลังร่วม" โรงแรมอัปสราไม่ได้ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมเพียงในระดับผู้บริหาร แต่ได้ปลูกฝังจิตสำนึกและมุมมองนี้สู่พนักงานทุกระดับในทุกแผนก "การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกคน ไม่ใช่แค่นโยบายจากเบื้องบน" คุณกันทิมากล่าว "เราให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและเสนอไอเดียใหม่ๆ บางครั้งไอเดียที่ดีที่สุดก็มาจากพนักงานในแผนกต่างๆ ที่เห็นปัญหาและโอกาสที่ผู้บริหารอาจมองไม่เห็น"

โรงแรมสร้างพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ และร่วมทำงานกับชุมชนด้วยความจริงใจ กระบวนการทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ทำให้ทุกก้าวของการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังแนวทางการบริหารของคุณกันทิมาและโรงแรมอัปสรา คือ "แรงบันดาลใจจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9" เธอได้ศึกษาแนวทางที่พระองค์ท่านทรงงานเพื่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และได้น้อมนำ "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารองค์กร การใช้ทรัพยากร การอยู่ร่วมกับชุมชน หรือการดูแลบุคลากร "เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายถึงการไม่เติบโตหรือไม่พัฒนา แต่หมายถึงการเติบโตบนความพอดีและมีเหตุผล" คุณกันทิมาอธิบาย "เราไม่เร่งรีบขยายธุรกิจจนเกินกำลัง แต่เราก็ไม่หยุดนิ่ง เราพัฒนาอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ"

โรงแรมไม่ได้ไล่ตามกระแสตลาดอย่างฉาบฉวย แต่เลือกวางรากฐานอย่างพอดี มีเหตุมีผล และสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายไม่ใช่การ "เติบโตอย่างรวดเร็ว" แต่คือการ "เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน" เฉกเช่นต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาได้อย่างสง่างาม เพราะมีรากแก้วที่แข็งแรงและหยั่งลึก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า...การดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Green Hotel ต้องใช้ต้นทุนที่สูงกว่าแนวทางธุรกิจทั่วไป นี่คือเหตุผลที่หลายองค์กร "ลังเล" ที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้ เพราะมองเห็นแต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน แต่คุณกันทิมามองการณ์ไกลกว่านั้น "การดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าที่สุด เราอาจจะต้องจ่ายมากกว่าในตอนแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบบำบัดน้ำเสีย การแยกขยะ หรือการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นจุดแข็งและสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของเรา" เธอย้ำด้วยความมั่นใจ

และเธอได้พิสูจน์แนวคิดนี้ผ่านการนำพาธุรกิจให้อยู่รอดผ่านทุกวิกฤตตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ภัยพิบัติสึนามิปี 2547 ที่ทำลายล้างชายฝั่งอันดามัน วิกฤตเศรษฐกิจที่ซ้ำเติม หรือแม้แต่การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่บังคับให้ประเทศปิดประตูสู่โลกภายนอกเป็นเวลานาน โรงแรมอัปสราเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่สามารถยืนหยัด เปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยไม่ต้องปลดพนักงาน และยังคงรักษาระบบนิเวศโดยรอบไว้ได้อย่างสมบูรณ์ "ช่วงโควิดเป็นบททดสอบที่หนักหนาสาหัสสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งประเทศ หลายโรงแรมต้องปิดตัวลง แต่เรายังคงเปิดให้บริการและรักษาพนักงานไว้ได้ทั้งหมด" คุณกันทิมาเล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก "สิ่งที่ช่วยให้เรายืนหยัดได้คือความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน การที่เราดูแลสิ่งแวดล้อมมาตลอด และความผูกพันของพนักงานที่อยู่กับเราเหมือนครอบครัว"