ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไรให้หายไว ไม่เป็นคีลอยด์
สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดด้วยการผ่าตัด เรื่องของแผลผ่าคลอดก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการดูแลแผลผ่าคลอดไม่ใช่เพียงแค่เพื่อให้แผลผ่าคลอดหายเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลผ่าคลอดเป็นรอยนูนหรือคีลอยด์ ลดความเสี่ยงแผลผ่าคลอดปริ และช่วยให้คุณแม่กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง บทความนี้จะพาคุณแม่ไปเรียนรู้วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายไว สวยงาม และปลอดภัยอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน
แผลผ่าคลอดใช้เวลารักษานานไหม
แผลผ่าคลอดชั้นนอกจะเริ่มสมานภายในประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนแผลภายในจะฟื้นตัวในช่วง 2-4 สัปดาห์ และแผลผ่าท้องทั้งหมดจะค่อย ๆ ปิดสนิทภายในประมาณ 6 เดือน โดยรอยแผลผ่าตัดสีแดงอมม่วงจะจางลง และกลายเป็นสีขาวเมื่อเวลาผ่านไป
แผลผ่าคลอด มีวิธีดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดคีลอยด์
แผลผ่าคลอดอาจเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้หากดูแลไม่เหมาะสม โดยเฉพาะช่วงที่แผลเริ่มแห้ง แพทย์มักแนะนำให้ใช้แผ่นซิลิโคนแปะแผล ไม่ยกของหนัก ไม่เกร็งหน้าท้อง ไม่แกะแผล ใช้ผ้ารัดหน้าท้อง ทาเจลลดรอยแผลเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดคีลอยด์ หากมีอาการปวด แสบหรือเจ็บข้างในผ่าคลอดหนักก็ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
เคล็ดลับการดูแลช่วยให้แผลผ่าคลอดหายไว
Freepik/Premium
การดูแลแผลผ่าคลอด

หลังจากคลอดลูกด้วยการผ่าตัด คุณแม่หลายคนอาจกังวลเรื่องการฟื้นตัวของร่างกาย รวมถึงปัญหาแผลเป็นจากการผ่าคลอดการดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธีตั้งแต่ช่วงแรก จะช่วยให้แผลผ่าคลอดหายเร็วขึ้น ลดการอักเสบหรือติดเชื้อ ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์ ทำให้แผลผ่าคลอดสวย และช่วยให้คุณแม่กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ไวขึ้น โดยวิธีรักษาแผลผ่าคลอดเบื้องต้นจะมีดังต่อไปนี้
หมั่นทายาทาแผลเป็นหรือซิลิโคนเจล
หลังจากแผลผ่าคลอดแห้งสนิทหรือไหมละลายหมดแล้ว คุณแม่สามารถเริ่มใช้ซิลิโคนเจลหรือยาทาแผลเป็นได้ การทาเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดรอยแดงและทำให้แผลนุ่มลง รอยแผลเป็นดูจางลง และลดโอกาสเกิดแผลผ่าคลอดเป็นรอยนูนหรือคีลอยด์ ทั้งนี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
ไม่แกะ เกาแผล
เมื่อแผลเริ่มแห้ง อาจรู้สึกคันบริเวณแผล ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟู แต่ไม่ควรเกาหรือแกะเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลผ่าคลอดเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลผ่าคลอดที่เข้มขึ้นได้ หากมีอาการคันมาก ควรใช้วิธีประคบเย็นหรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีบรรเทาอย่างปลอดภัย
งดยกของหนัก
ช่วง 1-3 เดือนหลังคลอดเป็นช่วงสำคัญในการดูแลแผลผ่าคลอด คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการออกแรงมากเกินไป เพราะอาจทำให้แผลตึงหรือฉีกขาด ส่งผลให้เกิดพังผืดหรือคีลอยด์ได้ แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ และหากต้องการอุ้มลูก ควรใช้ท่าที่ไม่เกร็งหน้าท้องมากเกินไป
ใช้ผ้ารัดท้อง
การสวมผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยพยุงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ลดแรงดึงบริเวณแผลผ่าคลอด ทำให้รู้สึกสบายขึ้นขณะเคลื่อนไหว อีกทั้งยังช่วยลดการเสียดสีที่อาจทำให้แผลระคายเคือง อย่างไรก็ตาม ควรเลือกผ้ารัดที่ขนาดพอดี และไม่รัดแน่นเกินไป
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเร่งการฟื้นตัวของแผลผ่าคลอด โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน เช่น ไข่ นม เนื้อสัตว์ เต้าหู้ และถั่วต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจกระทบต่อกระบวนการสมานแผล รวมถึงส่งผลต่อการสร้างน้ำนมสำหรับลูกน้อยด้วย
แผลผ่าคลอดหายไวได้ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี
แผลผ่าคลอดแม้จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคุณแม่ที่คลอดด้วยการผ่าตัด แต่สามารถฟื้นฟูให้หายเร็ว ลดโอกาสเกิดแผลนูนและคีลอยด์ได้ หากได้รับการดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การไม่แกะเกาแผล การงดออกแรงหรือยกของหนัก การใส่ผ้ารัดหน้าท้อง การทายาลดรอยแผลเป็น ไปจนถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อซ่อมแซมร่างกายจากภายใน
ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้รอยแผลเป็นหายไว คือการหมั่นทายาลดรอยแผลเป็น เช่น Rebac ซิลิโคนเจล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดแผลคีลอยด์ รอยนูน และปรับสีแผลให้จางลง เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการให้แผลผ่าคลอดเรียบเนียนและสวยงามเมื่อเวลาผ่านไป Rebac ซิลิโคนเจล จะช่วยให้คุณแม่มั่นใจในทุกการฟื้นฟูหลังคลอด