ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ในเฟซบุ๊กชื่อว่า Damrongsak Sattabut ได้โพสต์เรื่องราวระบุว่ารถเมล์สาย 515 ทางด่วน กำลังจะถูกยกเลิกเพราะ มีผู้ใช้รถส่วนตัวบนทางด่วนร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง โดยเขาเล่าว่า
ได้ยินแบบนี้ แล้วก็ใจหาย
ปกติตอนเช้าจะนั่งรถไฟมาทำงาน แต่ขากลับจะนั่งรถประจำทางกลับ วันนี้ก็ขึ้นรถตามปกติ แต่บรรยากาศต่างจากทุกวัน เพราะมีพี่ๆ สวมเครื่องแบบ ขสมก. อยู่บนรถ 6-7 คน ทุกคนจะถือใบกระดาษสีขาวนวล ตีตารางเป็นช่องๆ อยู่
ผ่านไป 5 นาที ผู้โดยสารเริ่มเต็มคันรถพนักงานท่านหนึ่งก็ได้แจ้งกับผู้โดยสารว่า "วันที่ 3 ก.ค. 62 กรมขนส่งทางบกจะยกเลิกสัมปทานในการเดินรถประจำทาง 515 (ทางด่วน) ถ้าหากผู้โดยสารต้องการจะให้รถของเราสามารถทำการในเส้นทางพิเศษนี้ต่อไป รบกวนช่วยลงชื่อเห็นชอบให้ รถทางด่วนนี้มีต่อ"
แจงปมยกเลิก รถเมล์ 515 ทางด่วน เหตุขอทดลองวิ่งโดยยังไม่ผ่านการอนุมติของ กก. ขนส่งฯ
ไม่หยุดวิ่ง !! ขสมก.ยัน รถเมล์ 515 บนทางด่วน ไม่หยุดให้บริการ
ตามปกติ สาย 515 จะวิ่งจากอนุสาวรีชัยสมรภูมิ ตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนราชวิถี แต่มันจะมีจุดติดหนัก แบบหนักมากกก หนักจนชีวิตไม่ต้องทำอะไร ดูซีรีส์บนเน็ตฟลิกซ์จบได้เป็นตอนๆ ก็คือตรงแยกการเรือน และหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา / มหาวิทยาลัยสวนดุสิต หากพ้นตรงนี้ไปได้ ก็อาจจะมีติดเล็กน้อยบนสะพานกรุงธน นอกนั้นคือโล่ง เหยียบ 80 เหยียบ 120 ได้สบายๆ
515 น่าจะเล็งเห็นถึงการติดแบบไม่มีที่สิ้นสุดดังกล่าว ก็เลยเพิ่มเส้นทางเดินรถพิเศษมา เพื่อหนีแยกการเรือน หน้ามหาวิทยาลัย หนีสะพาน ไปขึ้นทางด่วนพระราม 6 แทน ซึ่งค่าโดยสารในเส้นทางนี้มีการบวกเพิ่มจากค่าโดยสารปกติทั้งสิ้น 2 บาท
ด้วยความสงสัย ก็เลยสอบถามพี่ที่ประกาศข้อมูลข้างต้นว่า "เหตุใดถึงจะยกเลิกการเดินรถในเส้นทางนี้ครับ" ทางเราไม่ได้ยกเลิกค่ะ แต่เป็นกรมขนส่งทางบกเพิ่งส่งหนังสือแจ้งเรามาเมื่อเช้า ว่ามีคนร้องเรียนเรื่องรถโดยสารวิ่งบนทางด่วน ทำให้รถยนต์ปกติไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ทางกรมฯเลยจะยกเลิกเส้นทางการเดินรถนี้ในวันที่ 3 ก.ค. 62 ที่จะถึง"
ขสมก. มีมติให้รถเมล์ 515 วิ่งถูกกฎหมาย
ในฐานะคนที่นั่ง 515 มาครึ่งค่อนชีวิต ตั้งแต่เรียน ยันนั่งกลับจากที่ทำงาน เห็นว่า การเพิ่มเส้นทางเดินรถดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารอย่างมาก ซึ่งการขึ้นทางด่วนเพื่อหนีวิกฤตบนท้องถนน กทม. นั้นสามารถช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางได้ตั้งแต่ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงกว่า
ดังนั้นจึงอยากจะให้กรมฯพิจารณาหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด กับผู้คนที่จำเป็นต้องอาศัย "ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ" เป็นพาหนะในการเดินทางเป็นหลัก
โดยขณะนี้มีผู้แชร์บทความดังกล่าวไปเป็นจำนวนมากเกือบ 2 พันครั้งแล้ว
