ยูเอ็นลงมติโควิด-19 ครั้งแรก เรียกร้องทั่วโลกร่วมมือ

“วิษณุ” ชี้ รบ .อาจ “เคอร์ฟิว” มากกว่า 12 ชม. ขึ้นอยู่กับการระบาดโควิด-19

ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่ม!  4  ราย รวม 19 ราย

มติดังกล่าวซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ ย้ำถึงบทบาทสำคัญของสหประชาชาติในวิกฤตเศรษฐกิจและสาธารณสุขทั่วโลก รวมถึงความจำเป็นในการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่  โดยจะต้องไม่มีที่ว่างให้กับการเลือกปฏิบัติ การเหยียดเชื้อชาติ และความรู้สึกเกลียดกลัวชาวต่างชาติ ในการจัดการกับการระบาดของโควิด-19

สำหรับญัตตินี้ได้รับการเสนอโดยสวิตเซอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์ และกานา และได้รับเสียงสนับสนุน 188 เสียง จากชาติสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด 193 ประเทศ

อนามัยโลก ชี้ สถานการณ์โควิด-19 เข้าสู่จุดเปราะบาง

ทั้งนี้ รัสเซียได้เสนอญัตติของตัวเองแต่ไม่ได้รับการสนับสนุน โดยญัตติของรัสเซียแม้จะระบุถึงความร่วมมือทั่วโลกในการรับมือกับโควิด-19 เหมือนกัน แต่ก็มีข้อเรียกร้องแอบแฝงเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่ถูกอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้กับการระบาด  ซึ่งมีเพียง 4 ประเทศ ที่สนับสนุนญัตตินี้ ได้แก่ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คิวบา นิการากัว และเวเนซุเอลา

การลงมติของยูเอ็นครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50,000 คน  ขณะที่ยุโรปยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาด และสหรัฐฯ ทำสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในโลก

โดยขณะนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดกว่า 250,000 คน  เสียชีวิตแล้วกว่า 6,000 คน ขณะที่เมื่อวานนี้วันเดียว สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,169 คน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ (สถิติเดิมเป็นของอิตาลี ตายวันเดียว 969 คน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.)

การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ ช่วงปลายเดือน มี.ค ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 6.6 ล้านคน ทำให้ทั้งเดือนที่แล้วมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในส่วนนี้ถึงเกือบ 10 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนการแพร่ระบาดเกินกว่า 3,000 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก และแทบไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ การระบาดยังส่งผลกระทบต่อปฏิทินการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุด พรรคเดโมแครตได้ประกาศเลื่อนการประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนนี้ จากเดือนกรกฎาคมไปเป็นเดือนสิงหาคม