หวั่นวิกฤติ “ปะการังฟอกขาว” รุนแรง เหตุอุณภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น

 

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทั่วโลก ทำให้ปรากฎการณ์ “เอลนิโญ่” ขยายวงกว้างครอบคลุมหลายพื้นที่ ล่าสุดหลายประเทศแทบมหาสมุทรแปซิฟิก เริ่มได้รับผลกระทบต่อแนวปะการัง จากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า เหตุปะการังฟอกขาวอาจรุนแรงมากที่สุด มากกว่าเคยเกิดขึ้นในปี 2538 ที่ในขณะนั้นทำให้ปะการังทั่วโลกตายมากกว่า 16% แต่ในปี 2558-2559 นี้คาดว่าปะการังทั่วโลกอาจตายมากถึง 38% หรือคิดเป็นพื้นที่กว่า 3 ล้านไร่ ของแนวปะการังทั่วโลก

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดของแนวปะการังไทย ดร.นลินี ทองแถม ผู้เชี่ยวชาญด้านปะการัง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เปิดเผยว่าจากการสำรวจการเกิดปะการังฟอกขาว ขณะนี้พบเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 5% บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเล เป็นแบบเดียวกับปี 2553 ที่เกิดการฟอกขาวของปะการังรุนแรง ดังนั้น ในปีนี้ในประเทศไทยจึงมีโอกาสถึง 80% ที่จะเกิดวิกฤติปะการังฟอกขาวอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. คาดว่าอุณหภูมิน้ำทะเลจะสูงถึง 30 องศา ซึ่งใกล้เคียงกับอุณหภูมิ 30.5 องศาเซลเซียส ที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว

สอดคล้องกับ นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดี ทช. ชี้ว่าในปีนี้คาดว่าสถานการณ์ปะการังฟอกขาว จะเข้าสู่ทะเลของไทยในช่วงปลายเดือน มี.ค. – เม.ย. นี้ จึงได้วางมาตรการรับมือเป็นช่วงๆ เริ่มจากการเตรียมความพร้อมในช่วงเดือน ม.ค. การเฝ้าระวังปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย. การเผชิญเหตุปะการังฟอกขาว ในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. และการดำเนินการหลังการเกิดปะการังฟอกขาวในช่วงเดือน มิ.ย. – ธ.ค.

“เดือน เม.ย. – พ.ค. ถือเป็นช่วงระยะเวลาสำคัญมาก ในการเผชิญเหตุปะการังฟอกขาว จากการประมวลข้อมูลอุณหภูมิน้ำทะเล และภูมิอากาศในภูมิภาคแล้วทำให้คาดการว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดปะการังฟอกขาว ไปจนถึงช่วงกลางปี 2559 เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลจะมีค่าสูงสุด”

โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิน้ำทะเล ในจุดสำคัญต่างๆ ตามแผนเฝ้าระวังปะการังฟอกขาว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามัน(ภูเก็ต) ได้สำรวจการเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ สิมิลัน และเกาะราชาใหญ่ รวมทั้งเก็บตัวอย่างปะการัง เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพและตัวอย่างเนื้อเยื่อปะการัง เพื่อศึกษาความแตกต่างทางพันธุกรรม

สำหรับแนวทางดำเนินการ ภายหลังตรวจพบการเกิดปะการังฟอกขาว อธิบดี ทช. ระบุว่า จะมีการประชุมเพื่อกำหนดเขตที่แน่นอนในการประกาศปิดพื้นที่ และเมื่อมีการปิดแล้วก็จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบต่อไป โดยเจ้าหน้าที่จะทำการวางทุ่นในทะเลป้องกันพื้นที่ บริเวณแนวปะการังที่มีการฟอกขาว เพื่อลดการรบกวนและช่วยให้ปะการังฟื้นฟูได้เร็วขึ้น หากฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่จะมีโทษทั้งจำและปรับ

ทั้งนี้ จากข้อมูลของนักวิชาการที่ระบุว่า แนวปะการังของประเทศไทย 150,000 ไร่  อยู่ในสภาวะวิกฤติ ขณะที่ภาพรวมทั่วทั้งประเทศ เหลือพื้นที่ที่ปะการังสมบูรณ์ไม่ถึง 10%