ภาพเตียงผู้ป่วยที่ถูกระบุว่า บันทึกไว้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าไปตรวจค้นในอาคารดาวดึงส์เมื่อวานนี้ ( 16 ก.พ.60) ได้รับการยอมรับจากพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ว่าเป็นเตียงเดียวกับที่เคยปรากฏภาพพระธัมมชโย อยู่บนเตียงจริง ในช่วงที่วัดพระธรรมกายให้ข้อมูลว่า อดีตเจ้าอาวาส อาพาธหนัก โดยยืนยันว่าที่คลุมผ้าไว้คล้ายมีคนนอน เป็นเพียงการคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น ไม่มีเจตนาอื่น
ในภาพจะเห็นด้วยว่ามีเครื่องมือแพทย์วางอยู่ ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่า ไม่อยู่กับตัวพระธัมมชโย ที่อ้างว่า “อาพาธหนัก” ทีมข่าว PPTV จึงตรวจสอบว่า เครื่องมือชิ้นนี้จำเป็นต่อการรักษาอาการเพียงใด พบว่า เครื่องมือทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่ในห้องพักรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโย คือ เครื่องไฮเปอร์แบริค ออกซิเจน หรือ HBO เครื่องให้ออกซิเจนความดันสูง ใช้ในรักษาแผลเรื้อรัง ช่วยเพิ่มออกซิเจนไปเลี้ยงปลายเท้าได้ดีขึ้น ซึ่งตรงกับอาการอาพาธของพระธัมมชโยที่เปิดเผยสู่สาธารณชนในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ทีมข่าวจึงได้สอบถามไปยัง พลอากาศตรี นายแพทย์ อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ถึงความจำเป็นของเครื่องนี้กับอาการอาพาธของพระธัมมชโย
สำหรับเครื่องให้ออกซิเจนความดันสูง ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องพักที่ว่างเปล่า แม้จะไม่ใช่เครื่องมือรักษาบาดแผลให้หายขาด แต่ก็เป็นตัวช่วยทำให้อาการดีขึ้น มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 2 ล้านบาท
ผลดีของการรักษาด้วย HBO คือ ลดความพิการและสูญเสียอวัยวะ ซึ่งบางรายแพทย์อาจต้องทำผ่าตัดเอาอวัยวะส่วนนั้นทิ้ง เช่นตัดนิ้วมือ หรือนิ้วเท้า ช่วยลดบวมในแผลถูกบดกระแทก ช่วยให้แผลเรื้อรังต่างๆที่เกิดจากการขาดออกซิเจนหายเร็วขึ้น จึงช่วยลดระยะเวลาของการรักษาลง สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น และลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษา
เมื่อภาพนี้ปรากฏออกมา พร้อมๆกับที่การตรวจค้นวันแรกในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะอาคารดาวดึงส์ ไม่พบพระธัมมชโย ทำให้เกิดคำถามต่อวัดพระธรรมกายว่า ทำไมพระธัมมชโย ถึงไม่อยู่ในวัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทั้งฝ่ายสื่อสารองค์กร ทั้งฝ่ายศิษย์ ก็ยืนยันผ่านสื่อมาตลอดว่า เหตุผลที่พระธัมมชโย ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ไปมอบตัว เพราะมีอาการอาพาธหนัก จนแพทย์ห้ามเคลื่อนย้าย แต่วันนี้ พระมหานพพร ปุญญชโย กลับอ้างว่า นั่นเป็นความเข้าใจที่สังคมตีความกันไปเอง
สำหรับคำพูดที่ว่า “เคลื่อนย้ายพระธัมมชโยไม่ได้” เป็นสิ่งที่สังคม ตีความไปเองหรือไม่ ต้องย้อนกลับไปวันที่ 26 พ.ค. 2559 วัดพระธรรมกายติดต่อจะให้ พระธัมมชโย ซึ่งขณะนั้นยังถูกเพียงหมายเรียก เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จ.ปทุมธานี เพราะดีเอสไอกำหนดเส้นตายวันนี้ หลังไม่มาตามนัด 2 ครั้งก่อนหน้า ซึ่งก่อนถึงเวลานัดหมาย มีพระและศิษย์ของวัดพระธรรมกายจำนวนมากเดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง แต่สุดท้าย “พระธัมมชโย” ไม่มามอบตัว
หลังเหตุการณ์นั้น นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ แถลงตามมาว่า พระธัมมชโย มีอาการป่วยกะทันหัน บ้านหมุน เป็นลม และแพทย์ลงความเห็นว่าห้ามเคลื่อนย้าย แต่มีประสงค์จะกลับมารักษาตัวภายในวัดเท่านั้น
ระหว่างที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับอาการอาพาธของพระธัมมชโย ว่า อาพาธหนักจริงหรือไม่ และ เคลื่อนย้ายไม่ได้จริงหรือไม่ ดีเอสไอและแพทยสภา พยายามประสานขอเข้าไปตรวจอาการพระธัมมชโย ตามที่วัดพระธรรมกาย เคยเรียกร้องให้ไปหาที่วัดเองก่อนหน้านี้ แต่พอแพทยสภา นัดหมายจะเข้าไปตรวจ กลับถูกวัดพระธรรมกายปฏิเสธ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ถูกตั้งคำถามเรื่องใบรับรองแพทย์ที่นำมาใช้อ้างอิง ไม่ใช่ใบที่ออกผ่านโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษีจริง จน 16 มิถุนายน 2559 พระสนิทวงศ์ ก็เป็นอีกคนที่ยืนยันว่า พระธัมมชโยอาพาธ จนไปมอบตัวไม่ได้
เวลาผ่านมาอีกหลายเดือน จนสถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายเงียบไป จนกระทั่ง 24 พฤศจิกายน 2559 อัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้องพระธัมมชโย ทำให้นายองอาจ ออกมายืนยันอีกครั้งว่า พระธัมมชโย อยู่ในวัด และไม่ไปมอบตัวเพราะอาพาธ
มาถึงวันนี้ คำยืนยันโดยตลอดของศิษย์วัดพระธรรมกายว่า พระธัมมชโย ไม่ไปมอบตัว เพราะอาพาธหนัก เคลื่อนย้ายไม่ได้ จึงขัดกับภาพที่ปรากฏเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัดและไม่พบตัวพระธัมมชโย ซึ่งหมายความว่า ถูกเคลื่อนย้าย หรือ เคลื่อนย้ายไปได้ด้วยวิธีใดก็ตาม จนหลังจากนั้น ท่าทีของทุกคนในวัดพระธรรมกาย จึงเปลี่ยนเป็นการให้ข่าวว่า ไม่ยืนยันว่าพระธัมมชโยอยู่ในวัด และไม่ได้พบพระธัมมชโยนานแล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียืนยัน ว่า ใช้มาตรา 44 ตามอำนาจหน้าที่ที่มี โดยขอให้ลูกศิษย์วัดอย่าขัดขวาง และไม่ยืนยันว่า พระธัมมชโย อยู่ในวัด
