วันนี้ (28 มี.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือ บีอาร์ที ทาง กทม. ยืนยันจะเดินหน้าโครงการต่อไป เพราะเห็นว่าไม่มีรถประจำทางให้บริการรับ-ส่งประชาชนในเส้นทางนั้นเลย และการต้องทุบสถานีทิ้งทั้งหมด ก็เป็นการเสียเงินลงทุนที่เคยลงทุนไปกว่า 1,800 ล้านบาท โดยขณะนี้มี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาเสนอ "ขอนแก่นโมเดล" จัดการเดินรถให้ฟรี ซึ่งต้องมีการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมอีกครั้ง
ทั้งนี้ เรื่องที่ สตง. ได้ทักท้วงเรื่องโครงการขาดทุนสะสมจำนวนมากนั้น กทม.ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารเป็น 10 บาท จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านบาทต่อปี และในอนาคตถ้าจะได้เดินรถต่อก็จะเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ซึ่งผลสำรวจประชาชนยอมจ่ายถึง 30 บาท แต่จะคิดแค่ 15 บาท ซึ่งเป็นอัตรากลางๆ จากที่กระทรวงคมนาคมเคยประเมินค่าโดยสารที่เหมาะสมที่ 13-19 บาท ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มเป็น 90 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ หากต้องจ้างเดินรถ 170 ล้านบาทต่อปี หักรายได้ 90 ล้านบาท กทม.ต้องจ่ายค่าดำเนินการ 80 ล้านบาทต่อปี อย่าไปคิดประเด็นขาดทุน เพราะการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนไม่มีกำไรขาดทุน ในส่วนของการต่อสัญญา จะต่อ 2-3 ปีเท่านั้น เพราะอนาคตตามแผนจะมีรถไฟฟ้าขนาดเบา หรือ โมโนเรล มาทดแทน และผู้โดยสารส่วนของเด็กนักเรียนและผู้สูงอายุยังคงให้บริการฟรี
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ท่าอากาศยานดอนเมืองจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อเตรียมแผนอำนวยความสะดวก และความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจรบริเวณทางเข้า-ออก ให้มีความคล่องตัว และการจัดรถโดยสารสาธารณะเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ที่จะมาใช้บริการ
โดยประเมินว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ระหว่างวันที่ 5-18 เมษายนนี้ คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองรวมมากกว่า 1 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 114,875 คน เพิ่มขึ้น 8% จากปีที่ผ่านมา ส่วนเที่ยวบินเฉลี่ยรวม 10,540 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตัวเลขคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นนี้ มั่นใจว่าสนามบินดอนเมืองสามารถรองรับผู้โดยสารได้
