กองทัพสหรัฐฯส่งฝูงเรือรบไปคาบสมุทรเกาหลี ข่มขวัญโสมแดง

วันนี้ (9 เม.ย. 60) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองบัญชาการทหารภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐ รายงานว่า กองเรือรบพิฆาต นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน” ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ จากเดิมที่กำลังออกจากสิงคโปร์ มุ่งหน้าสู่ออสเตรเลีย ให้มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อเข้าประจำการในคาบสมุทรเกาหลีแทน

ทั้งนี้ คาดกันว่าการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือครั้งนี้ เป็นความพยายามในการข่มขวัญ และเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามเกาหลีเหนือ ซึ่งในระยะหลังมีพฤติกรรมเชิงยั่วยุ และทำการทดลองนิวเคลียร์และขีปนาวุธอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออาจกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว  

นอกจากเรือรบ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ที่ทำหน้าที่โจมตีข้าศึกแล้ว ยังมีกองเรือติดตาม ได้แก่ เรือพิฆาตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี 2 ลำ และเรือลาดตระเวนติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีอีก 1 ลำ โดยฝูงเรือรบพิฆาตนี้มีความสามารถในการต่อต้านขีปนาวุธด้วย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐพร้อมจะดำเนินมาตรการตอบโต้รัฐบาลเปียงยาง แม้จะไม่ได้รับความร่วมมือจากจีน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ที่คอยหนุนหลังเกาหลีเหนือมาตลอดก็ตาม

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่กองทัพสหรัฐยิงจรวดโทมาฮอว์กถล่มฐานทัพอากาศในซีเรีย เพื่อตอบโต้ที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษได้ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดังกล่าว โดยนาย ไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า รัสเซียต้องมีส่วนรับผิดชอบกับทุกชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมี เมื่อสัปดาห์ก่อนด้วย เนื่องจากถือเป็นพี่ใหญ่ที่ให้การหนุนหลังกองทัพรัฐบาลซีเรียอยู่ในขณะนี้

ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ตัดสินใจยกเลิกภารกิจเยือนกรุงมอสโกอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งภารกิจหลักของเขาในตอนนี้ คือ การร่วมผลักดันให้มีการหยุดยิงในพื้นที่

ฝั่งสหรัฐ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันว่าจะยังเยือนรัสเซียตามกำหนดเดิม โดยจะเดินทางเยือนกรุงมอสโก ทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุม G7 ระหว่างวันที่ 10-11 เม.ย. นี้ ขณะที่เมื่อวานนี้ นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ระบุว่า รัฐบาลพร้อมจะใช้มาตรการเพิ่มเติมกับซีเรีย เพื่อหยุดยั้งการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน