วันนี้ (23 ก.ค.60) จากกรณีเฟซบุ๊ก ภาพเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและอาสา จังหวัดพัทลุง ตั้งด่านตรวจบริเวณ สามแยกท่ามิหรำ ได้เรียกตรวจค้นรถกระบะของตำรวจยศ สิบตำรวจตรี โดยได้ปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก เป็นของทางราชการ กระสุนปืน 26 นัด และปืนพกสั้นขนาด 9 มม.อีก1 กระบอก จึงได้ควบคุมตัว สิบตำรวจตรี ส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ดำเนินคดีข้อหาครอบครองปืนที่ไม่สามารถออกใบอนุญาต และพกพาโดยไม่มีเหตุอันควร
ประเด็นนี้มี หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นด้วยและไม่เห็น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสิบตำรวจตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงกลับว่า ตำรวจที่ทำงานอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่พัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช เนื่องจากเวลาจะกลับไปหาครอบครัว ต้องทำเช่นไรถึงจะไม่ถูกจับกุมเช่นกรณีนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตำรวจและฝ่ายปกครอง กลายเป็นประเด็นในสังคม ล่าสุด กรมการปกครอง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ถึงกรณีของส.ต.ต.รณชาติ ว่าคืนวันที่ 21กรกาคม ที่ผ่านมา ได้ขับรถยนต์โตโยต้าวีออส สีดำ ทะเบียนกทม. ผ่านด่านตรวจค้น พบว่าด้านหลังรถยนต์ มีอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม พร้อมใช้งาน จึงได้สอบถามพร้อมประสานไปที่ตำรวจสภ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อส่งไลน์บัญชีคุมอาวุธปืนมาให้ตรวจสอบ
ระหว่างนั้น ส.ต.ต.รณชาติ มีอาการตอบอ้ำอึ้ง ถึงเส้นทางผ่านพัทลุง เพื่อไปจังหวัดยะลา รวมถึงขณะนั้นได้ตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ก็พบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม เจ้าหน้าที่จึงเกิดความสงสัยหลายประการ รวมทั้ง ส.ต.ต.รณชาติ มีการพูดจาทำนองไม่ให้เกียรติเจ้าหน้าที่ถึงการ ใช้อำนาจอะไรมาตั้งด่าน มีการตั้งร่วมกันสามฝ่ายหรือไม่
ทั้งนี้กรมการปกครอง ระบุว่า ขณะนั้นไม่ได้ปฏิบัติงานอยู่เพียงหน่วยงานเดียว แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารรู้เห็นในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งหากพบการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช.ชัดเจนแล้วยังปล่อยไป หากมีการรายงานถึงผู้บัญชาการว่าจงใจละเว้น แล้วใครจะสามารถรับผิดชอบแทนได้
ลงทะเบียนดูบอลออนไลน์ฟรี PPTV HD 36
