ศาลฏีกาชี้ชะตา 2 อดีตนายกฯ คดีสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตร ปี 51

เมื่อวันที่ (2 ส.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  จำเลยทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ  พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ยังอยู่ระหว่างฟังคำพิพากษา คาดจะมีคำตัดสินออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้และในจังหวะที่ทีมข่าวกำลังพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ หนึ่งในจำเลย เข้ามาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ได้พูดคุยกับ นายตี๋ แซ่เตียว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2551 เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ก่อนฟังคำพิพากษาในคดีสั่งสลายการชุมนุม พลตำรวจโทสุชาติ ให้สัมภาษณ์เปิดใจ ว่า พร้อมรับคำตัดสิน และจะไม่ขอใช้สิทธิยืนประกันหรือขออุทธรณ์ต่อศาลในคดีนี้

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน  เช่นเดียวกับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่งดให้สัมภาษณ์ เพราะสุขภาพยังไม่แข็งแรงจากอาการป่วย

ทั้งนี้ การเดินทางมาของแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย  นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ รวมถึงอดีต ส.ส. มาร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

สำหรับแนวทางการตัดสินคดีสั่งสลายการชุมนุม วันนี้หากศาลพิพากษาว่าทั้งหมดมีความผิด ตามกระบวนการสามารถยื่นอุทธรณ์คดี และขอประกันตัวได้  การประกันตัวจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ขณะที่การอุทธรณ์ จะต้องเป็นไปตามมาตรา 195 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้ยื่นภายใน 30 วันนับจากวันอ่านคำพิพากษา โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะเป็นผู้คัดเลือกองค์คณะผู้พิพากษาชุดใหม่ 9 คน เพื่อพิจารณาว่าจะรับอุทธรณ์คดีหรือไม่ และคำตัดสินขององค์คณะดังกล่าวถือว่าเทียบเท่ากับคำวินิจฉัยขององค์คณะใหญ่ศาลฎีกา