วันนี้ (8 ก.ย.60) เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องหาชาวเวียดนาม 3 คน ลักลอบตัดไม้กฤษณาในเขตป่าห้วยขาแข้ง และเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ตลอดทั้งวัน จนผู้ต้องหายอมสารภาพว่าหลังจากนั่งรถโดยสารจากชายแดนมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ จะมีรถมารับเข้าพื้นที่ สอดคล้องกับประวัติจับกลุ่มตามฐานข้อมูลเดิม เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่า กลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ มีคนไทยเกี่ยวข้อง คอยอำนวยความสะดวกและสนับสนุนอาวุธปืน แม้ผู้ต้องหาจะยังไม่พูดชัดเจนว่ามีคนไทยเกี่ยวข้อง แต่จากการตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้น พบว่าโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา มีข้อความติดต่อกับบุคคลหนึ่งเป็นภาษาเวียดนามตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันเดียวกับที่ชาวเวียดนามกลุ่มนี้เดินทางเข้าประเทศไทย ใจความระบุว่า ให้ไปขึ้นรถที่นครสวรรค์ แล้วไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น วันที่ 6 กันยายน หลังปะทะกับเจ้าหน้าที่ คนกลุ่มนี้ได้ส่งข้อความว่า "ส่งเบอร์คนไทยให้หน่อย" และวันที่ 7 กันยายน คือเมื่อวานนี้ ก่อนถูกจับกุมผู้ต้องหาได้ส่งข้อความระบุให้รถมารับ หรือ กำลังรอขึ้นรถ และมีข้อความสอบถามว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง จะได้ให้รถมารับ หลักฐานชิ้นนี้สอดคล้องกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ ที่ระบุว่าจุดที่จับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวาน คือ จุดที่ผู้ต้องหานัดพบให้คนมารับ ซึ่งอาจเป็นคนไทย
สำหรับที่มาของชาวเวียดนามลักลอบตัดไม้กฤษณา ตามข้อมูลที่ทีมข่าว PPTV ได้รับจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชัดเจนว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เคยเผชิญหน้ากับกลุ่มนี้หลายครั้ง จนพอสรุปได้ว่า ชาวเวียดนามที่ถูกจับกุมเป็นเพียงคนรับจ้าง เพราะทุกครั้งพวกเขาไม่ได้นำไม้กฤษณาที่ตัดได้ออกนอกประเทศ
แผนผังสรุปที่มาของชาวบ้านเวียดนามกลุ่มนี้ จากข้อมูลของ สมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเคยเป็นอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง บอกว่า เหนือกลุ่มชาวเวียดนามรับจ้างตัดไม้กฤษณา มีนายทุนคนไทยเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ติดต่อนายหน้าคนไทยให้จัดหาแรงงานเข้าไปคัดเลือกและไม้กฤษณาที่เหมาะสมในการสกัดเป็นน้ำมันทำน้ำหอม ซึ่งในวงการเป็นที่รับรู้กันดีว่า คนจากจังหวัด “กว๋างบิ่ญ” ตั้งอยู่ภาคกลางตอนบนของประเทศเวียดนาม และอยู่ห่างจากจังหวัดนครพนม 145 กิโลเมตร มีความชำนาญ นายหน้าไทยจึงประสานงาน 2 ทาง ทางหนึ่งคือติดตามนายพรานไทยไว้นำทาง อีกทางหนึ่ง ติดตามหาแรงงานกลุ่มนี้ผ่านนายหน้าชาวเวียดนามให้ไปจัดหาคนในจังหวัดกว๋างบิ่ญ จากนั้นนายพรานไทย กับ คนรับจ้างจากจังหวัดกว๋างบิ่ญจะนัดพบกันที่ จ. นครสวรรค์ พากันเข้าป่าหาไม้กฤษณา ข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนว่า ชาวเวียดนามที่ถูกจับกุมได้เป็นเพียงผู้รับจ้างคือ เมื่อพวกเขาได้แก่นไม้กฤษณาตามต้องการ จะส่งสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยในโรงงานของไทย โดยไม่ได้นำกลับประเทศ
ตามพฤติกรรมกลุ่มลักลอบตัดไม้กฤษณาที่มีชาวเวียดนามเกี่ยวข้อง จะเข้าป่ากันครั้งละกว่า 10 คน การจับกุมได้ 3 คน และปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 คน ทำใหเชื่อได้ว่า ยังมีกลุ่มที่หลบหนีอยู่ภายในป่า หรือไม่ นายพรานไทยก็สามารถนำทางกลุ่มที่เหลือออกจากป่าได้หมดแล้ว โดยพลัดหลงกับกลุ่มที่ถูกควบคุมตัว จากการติดตามกลุ่มนี้มาตลอดหลายปี โฆษกกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า มีข้อมูลนายพรานคนไทยครบถ้วน แต่ยังไม่สามารถหาหลักฐานเข้าจับกุมได้ เพราะทุกครั้งชาวเวียดนามจะไม่ซัดทอด
ขณะที่ความเสียหายจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีไม้กฤษณาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งถูกตัดกว่า 10 ต้น ส่วนการดำเนินคดี ก็มีความน่ากังวล เพราะจากการจับกุมได้เกือบทุกครั้งในหลายพื้นที่ ข้อกฎหมายกำหนดให้ดำเนินการกับคนกลุ่มนี้แค่เพียง ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร ทำให้กลุ่มลักลอบตัดไม้กฤษณาข้ามชาติ ไม่เกรงกลัว
