ความคืบหน้าการปัดฝุ่นรื้อฟื้นสำนวนคดี กรณีที่นายศุภชัย ทัฬหสุนทร กระโดดอาคารศาลอาญาเสียชีวิต เนื่องจากผิดหวังที่ศาลพิพากษายกฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี จำเลยในคดีใช้อาวุธมีดแทง นายธนิต ทัฬหสุนทร ลูกชายจนถึงแก่ความตายเมื่อปี 2559
ล่าสุดทาง พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวทั้งหมด โดยมีพลตำรวจตรี สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อพิจารณากรอบแนวทางในการทำคดี และการเรียกตรวจสอบพยานหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งไม่ใช่การจับผิดหรือหาตัวผู้บกพร่องในการทำสำนวนคดี แต่เป็นการหาข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น รวมทั้งคงจะต้องดูรายละเอียดคำพิพากษาของศาลว่าเป็นอย่างไร โดยจะต้องให้พนักงานสอบสวนไปขอคัดคำพิพากษามาตรวจสอบว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงานต่อไป
ด้าน พันตำรวจเอก ต่อเกียรติ พรหมบุตร ผู้กำกับการ สน.ดินแดง เปิดเผยว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลคดีนี้โดยเฉพาะแล้ว แต่รายละเอียดทางคดีคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว จึงเกรงว่าจะเป็นการก้าวก่ายการพิจารณาของศาล
อัยการ ชี้ เยาวชนที่ร่วมก่อเหตุ ไม่เห็นใครเป็นคนแทงผู้ตาย
ส่วนประเด็นกรณีการดำเนินคดีกับเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแทงนายธนิต ผู้ตายอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งเยาวชนคนนี้ให้การรับสารภาพ จะสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการอุทธรณ์คดีหลักได้หรือไม่นั้น
เรื่องนี้ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจที่อัยการสำนักงานคดีศาลสูงจะเป็นผู้พิจารณาแต่ต้องดูว่าเยาวชนผู้นี้รับสารภาพในฐานอะไร ซึ่งเยาวชนดังกล่าวไม่ยืนยันว่าเห็นจำเลยแทงนายธนิต โดยยอมรับเพียงว่าได้ร่วมกันชกต่อย นายธนิตเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ใช้อาวุธมีดแทง
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางอัยการก็รู้สึกเสียใจ แต่พยานบุคคลจำนวน 7 ปากที่ตำรวจระบุก็ล้วนเป็นพยานแวดล้อมทั้งสิ้น ไม่ใช่คนเห็นเหตุการณ์ว่าใครเป็นคนร้ายในคดีที่ใช้มีดแทงผู้ตาย ซึ่งในการต่อสู้คดีในชั้นศาลนั้นอัยการได้สอบพยานอย่างเต็มที่ แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ ขอไปแล้วก็หามาไม่ได้ และไม่สามารถยึดอาวุธมีดของกลางในคดีได้ เป็นเหตุให้การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือทำไม่ได้ แต่ในสำนวนมีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ก็ถือว่าหลักฐานเพียงพอให้อัยการยื่นฟ้องคดีได้ แต่หลักการพิจารณาของศาลจะต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ถึงจะมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ส่วนการอุทธรณ์คดีทางอัยการกำลังขอคัดคำพิพากษาโดยเร็ว เพื่อให้อัยการคดีศาลสูงพิจารณาต่อไป
ด้านทนายความของนางเรวดี ทัฬหสุนทร ภรรยาของนายศุภชัย กล่าวว่า ทางญาติมองว่าตัวจำเลยมีพรรคพวกและมีเงินประกันตัว นอกจากนี้ในการจัดงานศพนายธนิตที่วัดกุนนทีฯคืนแรกนั้น ถึงขนาดเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายตามมายิงกันถึงที่วัด จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของนายธนิต โดยคาดว่าน่าประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็นความขัดแย้งเกี่ยวกับสถาบันการศึกษา 2 แห่ง
ส่วนประจักษ์พยานที่ป่วยทางจิต ทนายความระบุว่า เป็นเพื่อนของเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีและนายธนิตด้วย ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่บิดาของประจักษ์พยานคนดังกล่าวนำใบรับรองแพทย์มาเบิกความต่อศาลว่าวิกลจริต จึงหมดสิทธิ์นำตัวมาเบิดความเป็นพยาน
สำหรับคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งร่วมก่อเหตุที่เป็นเยาวชนได้รับสารภาพนั้น จะเอามาเป็นหลักฐานได้หรือไม่ ทางทนายความระบุว่า ผู้ร่วมก่อเหตุไม่ยืนยันว่าใครเป็นคนแทงผู้ตาย