ลาวเร่งค้นหาผู้สูญหายเหตุเขื่อนแตก หลังระดับน้ำเริ่มลด

เมื่อวันที่ (26 ก.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ความคืบหน้าสถานการณ์เขื่อนย่อยของเขื่อนเซน้ำน้อยแตก ในแขวงอัตตะบือ ของ สปป.ลาว ล่าสุด มีหมู่บ้านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้วทั้งสิ้น 13 หมู่บ้าน ในจำนวนนี้ มี 6 หมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำเซเปียน ได้รับผลกระทบหนักที่สุด และมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 13,000 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันขณะนี้ยังอยู่ที่อย่างน้อย 26 คน สูญหายอีกอย่างน้อย 131 คน

ล่าสุด บริษัท เอสเค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ของเกาหลีใต้ เผยว่า ระดับน้ำที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำกลับคืนสู่ระดับปลอดภัยแล้ว และจะไม่ไหลล้นเขื่อนจนเป็นอันตรายอีก ส่วนเขื่อนหลักทั้ง 2 เขื่อนรวมทั้งตัวโรงไฟฟ้า ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จากเขื่อนแตกครั้งนี้

สอดคล้องกับการคาดการณ์ของทางการที่ระบุว่า ระดับน้ำจะลดลงเรื่อยๆ ภายใน 2-3 วันนี้ และชาวบ้านในพื้นที่น่าจะกลับเข้าบ้านเรือนได้ในไม่ช้า แต่แม้ว่าระดับน้ำท่วมในพื้นที่จะเริ่มลดลง บางจุดรถยนต์ผ่านได้แล้ว แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาผู้สูญหาย เนื่องจากจุดที่ประสบภัยเป็นพื้นที่ห่างไกล และสภาพถนนไม่ค่อยดี เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้เรือและเฮลิคอปเตอร์เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือจากนานาชาติยังหลั่งไหลเข้าไปในลาวอย่างไม่ขาดสาย ทั้งจากสิงคโปร์ จีน ฟิลิปปินส์  รวมถึงเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในโครงการก่อสร้างเขื่อนครั้งนี้ ได้ส่งทีมกู้ภัยออกเดินทางล่วงหน้าไป สปป.ลาว แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อไปประเมินสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยกู้ภัยของทางการ ก่อนที่หน่วยบรรเทาทุกข์และทีมกู้ภัยชุดใหญ่จากเกาหลีใต้จะเดินทางไปถึง

ขณะที่องค์การกาชาดสากล และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกับรัฐบาลลาวในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งรวมถึงเด็กๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน โดยจากการประเมิน ขณะนี้มีประชาชนกว่า 1,300 ครอบครัว ต้องการเต็นท์สำหรับทำที่พักชั่วคราว รวมถึงสิ่งของจำเป็น และอุปกรณ์สุขอนามัย

ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า วิกฤตเขื่อนแตกครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดจากการที่ สปป.ลาวเร่งสร้างเขื่อนจำนวนมาก เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยหวังว่าจะช่วยให้หลุดพ้นจากการเป็นประเทศยากจน

ปัจจุบัน มีเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำเดินเครื่องอยู่ใน สปป.ลาวทั้งสิ้น 46 แห่ง และมีเขื่อนอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 54 แห่ง ซึ่งหากเดินเครื่องได้พร้อมกันหมด จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 28,000 เมกะวัตต์ รองรับการใช้ไฟฟ้าในไทยได้เกือบทั้งปี สำนักงานพลังงานสากลระบุว่า สปป.ลาวส่งออกไฟฟ้าร้อยละ 85 ของที่ผลิตได้ ส่วนใหญ่ส่งออกมาไทยโดยสองในสามเป็นการใช้ไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล