กฟผ.มั่นใจเขื่อนรองรับปริมาณน้ำช่วงฤดูฝนได้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (29 ก.ค.61) นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน “เซินติญ” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ส่งผลให้มีฝนตกหนาแน่น ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย อ่างเก็บน้ำของ กฟผ. หลายแห่งมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนน้ำพุง มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการการระบายน้ำได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า เขื่อน กฟผ. ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนปีนี้ได้อย่างเพียงพอ และมีความมั่นคงแข็งแรงเนื่องจากมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสากล

สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อน กฟผ.แต่ละภูมิภาค โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้ง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์  เขื่อนศรีนครินทร์  เขื่อนสิรินธร และ เขื่อนรัชชประภา เขื่อนบางลาง สำหรับเขื่อนที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve)ได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ เนื่องจากมีฝนตกหนักในลุ่มน้ำด้านเหนืออย่างต่อเนื่อง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 6,754ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 76%ของความจุ และ เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 797 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 33% ของความจุ เขื่อนจุฬาภรณ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 107 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็น65%ของความจุ และเขื่อนน้ำพุง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 59 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น35%ของความจุ

ทั้งนี้  กฟผ. ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในเขื่อนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเขื่อนที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม จะมีการประสานการระบายน้ำให้เป็นไปตามแผนการระบายน้ำของกรมชลประทานและคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ รวมทั้งของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละจังหวัด ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ โดยการระบายน้ำในแต่ละครั้งจะส่งหนังสือแจ้งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น และประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้า