วันเพ็ญเดือน 12 เวียนมาบรรจบอีก 1 ปี สำหรับเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตามความเชื่อแต่ครั้งโบราณคือ การขอขมาพระแม่คงคา แต่ในยุคปัจจุบันจำนวนของคนมากขึ้น พร้อมๆกับแนวคิดการทำกระทงที่แตกต่าง แหวกแนว จากที่ใช้ใบตอง ต้นกล้วย ก็เริ่มใช้ของกินมาทำกระทง เช่น ขนมปัง กรวยไอศกรีม เพื่อให้ละลายกลายเป็นอาหารปลา แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อมีคนหันมาใช้กระทงขนมปังจำนวนมากเกินกว่าจำนวนปลาผลคือปลากินไม่ทัน จากที่จะรักษ์โลกจึงกลายเป็นยิ่งสร้างขยะและสารอินทรีย์ให้กับแหล่งน้ำมากขึ้นไปอีก
อ่านเพิ่ม : ส่อง สถิติกระทง กทม. ปีละเหยียบล้านใบ
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกกับ ทีมข่าวนิวมีเดีย พีพีทีวี ว่า ขนมปังสร้างปัญหายิ่งกว่ากระทงโฟม เพราะโดยตัวมันเองเป็นสารอินทรีย์ แล้วก็เป็นสารอาหารของอินทรีย์ในน้ำ ปัญหาของการเน่าเสียของน้ำเลยเกิดจากการที่จุลินทรีย์เอาพวกนี้มาใช้แล้วก็ย่อยเป็นสารอาหารเกิดน้ำเน่า ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง
“ปลามันกินไม่ทันหรอก มันกินได้นิดเดียวก็จะเหลือตกค้างเยอะมาก สุดท้ายเป็นขยะที่จมลงในน้ำเป็นสารอินทรีย์น้ำเน่าเสียได้ง่าย มันยิ่งกว่าขยะที่มันลอยแล้วเราเก็บด้วยซ้ำ มีผลต่อน้ำโดยตรง มันก็ทำให้น้ำและปลาต่างๆ แย่ไปด้วย”
สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) เคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาย่อยสลายกระทงแต่ละประเภท พบว่า กระทงที่ทำจากต้นกล้วย ใบตอง กะลามะพร้าว ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 14 วัน
กระทงที่ทำจากขนมปัง โคนไอศกรีม เวลาย่อยสลายประมาณ 3 วัน
กระทงที่ทำจากขนมปัง เวลาย่อยสลายประมาณ 3 วัน
กระทงที่ทำจากกระดาษ เวลาย่อยสลายประมาณ 2 – 5 เดือน
กระทงที่ทำจากโฟม เวลาย่อยสลายประมาณ 50 ปี
กระทงมันสำปะหลัง เวลาย่อยสลายประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
ปีนี้จะขอขมาพระแม่คงคาทั้งทีก็คิดดีดีก่อนซื้อกระทง
อ่านเพิ่ม : “อัศวิน” ปรับแผนจัดระเบียบคนลอยกระทง-คนเก็บเหรียญ ริมแม่น้ำลำคลอง
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้
