เชียงรายติดเชื้อ โควิด-19 เพิ่ม 8 ราย พบ 1 รายลอบเข้าไทยไม่ยอมแสดงตัว
พบบุคลากรทางการแพทย์ 4 ราย ติดเชื้อโควิด-19 ทำงานใน ASQ กทม.
หลายคนเลือกที่จะลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย เพราะเกรงว่าหากเข้ามายังด่านตรวจชายแดนจะมีความผิด จึงจะใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามพรมแดน
จุดที่พบการลักลอบประจำ คือ บริเวณช่องทางบ้านผาแตก บ้านสายลมจอย ท่ากระหล่ำ ท่าเกาะทราย และท่าปางห้า
โดยขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะมีเครือข่ายทั้งที่เป็นคนไทยในพื้นที่ และชาวเมียนมา ในจ.ท่าขี้เหล็ก คนกลุ่มนี้จะรู้ช่วงเวลาปลอดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน และ จุดที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง โดยเรียกเก็บเงินคนละประมาณ 3,000 – 8,000 บาท แล้วแต่ตกลงกัน แบ่งจ่ายให้ชาวเมียนมาที่พาเดินเท้าข้ามฝั่งมาประเทศไทย เมื่อข้ามมาได้ก็จะจ่ายเงินให้กับคนไทยที่เอารถมารับอีกทอดหนึ่ง ซึ่งการลักลอบข้ามเข้า-ออกประเทศช่วงนี้จะต้องจ่ายเงินสูงกว่าปกติ เนื่องจากมีการตั้งด่านเข้มงวดมาก
ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.เชียงราย พบว่า มีระยะทางยาว 130 กิโลเมตร ตั้งแต่อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย และ สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน แบ่งเป็นแนวภูเขาประมาณ 100 กิโลเมตร แนวแม่น้ำสาย 10 กิโลเมตร และแม่น้ำรวก 20 กิโลเมตร
ลักษณะภูมิประเทศเช่นนี้ ทำให้ง่ายต่อการเดินทางข้ามไปมา โดยเฉพาะจุดที่เป็นแม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ที่ค่อนข้างแคบ และในฤดูแล้งน้ำตื้นเขิน จนสามารถเดินข้ามได้
ล่าสุดหน่วยความมั่นคงได้เสริมกำลังเข้าสกัดตามแนวชายแดนเพื่อไม่ให้มีการลักข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย มีการติดตั้งไฟส่องสว่างตลอดทั้งคืน กล้องวงจรปิด และขึงลวดหนามกั้นไว้
มีการตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อคุมเข้มตามชายแดนอย่างหนักกลุ่มลักลอบเข้าเมืองจะเปลี่ยนเส้นทางหลบหนี หรือ เปลี่ยนจุดข้ามแดน ไปยังพื้นที่จ.ระนอง ซึ่ง หากดูภูมิประเทศชายแดนไทย-เมียนมาทั้งทางบก มีระยะทางกว่า 2,400 กิโลเมตร เป็นไปได้ยากที่จะเดินทางจากท่าขี้เหล็ก ไปยังเขตแดนพื้นที่จ.ระนอง เพราะต้องใช้ระยะเวลาการเดินทางเป็นสัปดาห์ อีกทั้งยังต้องเดินทางผ่านพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยอีกหลายกลุ่ม
ด้าน นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเสริมกำลังทหาร-ตำรวจ เข้ามายังพื้นที่ชายแดน จึงไม่ปรากฎว่ามีผู้ลักลอบข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทย และ ทางการเมียนมาก็ให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นไม่ให้คนหลบหนีออกจากฝั่งเมียนมาเช่นกัน
ส่วนที่มีขบวนการลักลอบพาคนเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายมีการเรียกเก็บเงินคนละประมาณ 3,000 – 8,000 บาท นั้น นายประจญ กล่าวว่า ใครมีเบาะแสแจ้งมาได้เลยตนเองจะจัดการทันที แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถหาตัวได้เลยมีแต่ข่าวออกมาเท่านั้น หลายคนบอกจ่าย 3,000 บาท 5,000 บาท และ 8,000 บาท ซึ่งก็ไม่มีใครตอบได้ว่าจ่ายให้ใคร
“ผมก็อยากรู้ เพราะได้รับนโยบายจ่ายจากรัฐบาลว่าให้ไปตามแก๊งพวกนี้มาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือ ข้าราชการ ส่วนเอกชน หรือ ชาวบ้าน ถ้าเจอจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดอย่างแน่นอนเพราะทำให้เราเดือดร้อน ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการด้วยโทษอันดับแรก ต้องออกจากราชการไว้ก่อน จากนั้นก็จะดำเนินการในชั้นศาล ทั้งอาญา และแพ่ง โทษหนักแน่ ”