เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระลูกวัดวัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ เปิดใจครั้งแรกต่อสื่อมวลชน ถึงสาเหตุที่ออกมาไลฟ์เปิดความในใจ ประกาศลาสิกขาเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้มีกระแสในสังคมสงฆ์ที่พูดกันวงในว่า "พระราชปัญญาสุธี" รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง จะไม่ได้รับการแต่งตังเป็นเจ้าอาวาส แต่ตัวเอกสารที่จะออกมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขณะนี้ยังไม่ใครเห็น แต่กลับมีพระผู้ใหญ่และคณะสงฆ์ก็มีการนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกัน
"พระมหาไพรวัลย์" ร่ำไห้กลางไลฟ์ ระบายความในใจ เตรียมสึก!
ดราม่า “พระมหาสมปอง” ร่ำไห้ ถูกขู่จับสึก
ซึ่งส่วนตัวมองว่า เรื่องแบบนี้ไม่สมควรที่จะไปพูดกันที่ในลับ ควรโปร่งใส พูดได้ในพื้นที่สาธารณะ เปิดเผยไปเลย ไม่ว่ามติจะออกมาในทิศทางใด ควรเป็นเรื่องที่หยิบมาพูดได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องซุบซิบ สังคมสงฆ์ต้องสะอาดหมดจด
"พระมหาไพรวัลย์" ไลฟ์ต่อ ขออย่าเคลมพุทธศาสนา
โดยสาเหตุที่อาจทำให้ "พระราชปัญญาสุธี" จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง น่าจะเกิดจากการไลฟ์ผ่านเพจเฟญบุ๊กของตัวเอง รวมถึง "พระมหาสมปอง" ที่ช่วงหลังถูกตักเตือนมาเป็นระยะ ๆ จึงจะขอลาสิกขาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และแสดงออกไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว แม้อาจจะไม่ได้มีแรงกระเพื่อม แต่นี่เป็นสิ่งที่พระรูปหนึ่งจะทำได้ เพราะไม่มีอะไรจะมาประท้วง มีเพียงตำแหน่งพระลูกวัดสร้อยทอง และตำแหน่งความเป็นพระภิษุ ก็เหลือเพียง 2 สิ่งนี้ จึงนำ 2 สิ่งนี้ประท้วง ว่าไม่เห็นด้วยกับความไม่เป็นธรรม และจะไม่อยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้
และที่หลายคนบอกว่า ทำไมถึงไม่ย้ายวัด "พระมหาไพรวัลย์" ระบุว่า ไม่ได้มีปัญหากับวัด แต่มีปัญหากับตัวระบบการปกครองสงฆ์ ระบบโครงสร้างคณะสงฆ์ที่ไม่เป็นธรรม และไม่เป็นธรรมมากเกินไป จนคืบคลานเข้ามาถึงภายในวัดแล้ว ทั้งที่คณะสงฆ์ควรเป็นต้นแบบอย่างของความดีงามในหลาย ๆ อย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่ในสังคมสงฆ์ยังหาความดีงามไม่ได้
ชาวบ้านเผย “พระมหาไพรวัลย์” ช่วยเหลือคนตกยาก
เมื่อถามว่าหลังจากจากที่ไลฟ์ประกาศขอลาสิกขาไป ได้มีพระผู้ใหญ่ออกมาตักเตือนอีกหรือไม่ "พระมหาไพรวัลย์" ตอบมาตักเตือนเพื่ออะไร ไม่ได้ทำอะไรผิด จะมาเตือนทำไม พร้อมตั้งคำถามการลาสิกขาไปกระทบใคร และหากต้องลาสิกขาจริง ๆ ก็เป็นสิทธิ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า ห้ามสึก พระพุทธเจ้าให้สิทธิใครที่อยากจะมาบวช ลาสิกขาไปเป็นฆราวาสได้
ส่วนกรณีการแต่งตั้งเจ้าเอาวาสวัดสร้อยทอง "พระมหาไพรวัลย์" มองว่าที่ผ่านมา "พระราชปัญญาสุธี" ได้ย้ำกับพระภายในวัดมาโดยตลอด ล่าสุดช่วงออกพรรษา ท่านสอนลูกศิษย์ และพระภายในวัดทั้งหมดว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นเจ้าอาวาส ขอให้ทุกคนยอมรับตามนั้น และยังพูดด้วยว่า ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในลักษณะติงพระผู้ใหญ่ แต่ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพระผู้ใหญ่ ใครจะมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้ แต่ขอให้ช้วยดูแลวัด และท่านก็ยังทำหน้าที่สอนหนังสือเหมือนเดิม
นอกจากนี้ "พระมหาไพรวัลย์" ยังชี้แจงถึงการร้องไห้กลางไลฟดเมื่อคืนนี้ว่า ไม่ได้ร้องไห้เพราะจะต้องลาสิกขา แต่ที่ร้องไห้ก็เพราะคิดถึงคำพูดของโยมแม่ ที่พูดถึงด้วยในคืนวันสุดท้ายก่อนจะมาบวช ว่า จะได้นอนกอดเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเมื่อพูดแล้ว ก็ทำให้คิดถึงอดีต คิดถึงโยมแม่ขึ้นมาจึงร้องไห้ ส่วนการประกาศลาสิกขาโยมแม่ก็ทราบแล้ว และยอมรับ แม้จะไม่อยากให้สึก เพราะชอบที่เห็นลูกอยู่ในผ้าเหลือง แต่ก็ใจกว้างมาก โดยหลังจากลาสิกขาก็ตั้งใจจะกลับไปดูแลโยมแม่ ที่ขณะนี้กำลังป่วยเป็นมะเร็ง