ที่บริเวณหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ 8 ตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้มีชาวบ้านลงไปเก็บ “หินพัมมิช” หรือที่เรียกว่า "หินภูเขาไฟ" ลักษณะเป็นตะกอนหินก้อนเล็ก ๆ มีรุพรุนคล้ายฟองอากาศ ก้อนสีดำเทา น้ำหนักเบา ถูกคลื่นซัดขึ้นมากองทับถมอยู่เกลื่อนบริเวณชายหาดยาวกว่า 10 กิโลเมตร
ขณะเดียวกันได้มี เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและยืนยันว่าเป็นตะกอนหินภูเขาไฟที่ปะทุในประเทศอินโดนีเซีย
ทูตยูเครนชี้ถ้ายูเครนไม่รอด UN ก็ไม่รอด
พบ “หินภูเขาไฟ” ถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายหาด รอพิสูจน์แหล่งที่มา
และเป็นชนิดเดียวกันกับที่เป็นข่าวถูกคลื่นซัด เกยชายหาดที่ จ.สงขลา จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และจ.นครศรีธรรมราช
แคนาดาพบเคสต้องสงสัย "ติดโควิด-19 จากกวาง" เคสแรกของโลก
ชาวบ้านจำนวนมากที่ทราบข่าวเดินทางนำกระสอบและถุงปุ๋ยมาเก็บนำกลับบ้านเพื่อใช้ในการเกษตร และหลายรายบอกว่าจะนำไปขายต่อกิโลกรัมละ 50 บาท ส่วนคนเฒ่าคนแก่อายุ 70-80 หลายคนในพื้นที่ดังกล่าว บอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะประเทศไทยไม่มีภูเขาไฟ และคิดว่าหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะมีคนเคยเห็นมาก่อน จึงจะเก็บสะสมไว้เป็นของที่ระลึกด้วย
นางนิด ปานคล้าย อายุ 52 ปี เจ้าของร้าน “เจ้ติ๋มซีฟู๊ด” กล่าวว่า ตอนเช้าสังเกตเห็นว่า ชายหาดทุ่งวัวแล่นกลายเป็นสีดำเหมือนคราบน้ำมันจึงเดินลงไปดูก็พบว่าเป็นก้อนหินขนาดเล็ก ๆ แต่เบามากเหมือนฟองน้ำ ต่อมาได้มีคนบอกว่าเป็นหินภูเขาไฟที่ระเบิดในประเทศอินโดนีเซีย แต่ตนก็ยังแปลกใจว่าทำไมถึงลอยมาไกลได้ขนาดนี้ และตลอดทั้งวันคลื่นยังคงซัดลอยมาเกยชายหาดอยู่อย่างต่อเนื่อง
ไม่พอใจจอดรถขวางหน้าบ้าน ทำร้ายกรามหัก
ด้านนายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสะพลิ อ.ปะทิว กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็น "หินภูเขาไฟ" ที่ปะทุในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วถูกคลื่นซัดมาขึ้นฝั่งในไทย และหินภูเขาไฟเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ขอให้นักท่องเที่ยวและประชาชนอย่าได้วิตก แต่อาจทำให้ชายหาดเกิดความไม่สวยงาม เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ