ปิดบ้านเงียบ พ่อแม่สาวคนสนิท “พระพี” เพื่อนบ้านเผยพฤติกรรม คิดว่ามีสามี 2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาทีที่ นายเด่น (นามสมมติ) สามี น.ส.พลอย พยายามตะโกนเรียกขอพบลูกวัย 2 ขวบ ที่อยู่อาศัยกับพ่อแม่ของ น.ส.พลอย ในบ้านอยู่หลายครั้ง เพราะต้องการพบลูกและต้องการพูดคุยกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิง จนเจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาขอร้องบอกว่าอยากพบลูก แต่บ้านก็ยังคงปิดเงียบไม่มีใครออกมา ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านในละแวกยืนยันว่ายังมีคนอยู่ในบ้าน

หลังจากนั้นชาวบ้านในละแวกหลายคนจึงมาช่วยกันเรียกอีกแรง แต่ก็ไม่เป็นผล จากนั้นทีมงานหมอปลาจะประสานผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยเรียกอีกแรง แต่ก็ไม่เป็นผลยังไม่มีใครยอมออกมา

 

ด้านหมอปลา ระบุว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ช่วงกลางวันเห็นผู้ชายแต่งกายด้วยกางเกงขาสั้นลายทหาร เสื้อยืดสีขาว คาดว่าน่าจะเป็นพระพีเดินทางมาที่บ้าน น.ส.พลอย ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านคิดว่าพลอยมีสามี 2 คน และเห็นสลับกันมาหาอยู่เป็นประจำ

ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมข่าวมาตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง พบว่าภายในบ้านน่าจะมีความเคลื่อนไหว เพราะเมื่อวานไม่มีการล็อกแม่กุญแจด้านนอกแต่วันนี้มีการล็อกแม่กุญแจ

โดยเพื่อนบ้านรายหนึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยตัวเอง ระบุกับทีมข่าวว่า เมื่อคืนช่วง 5 ทุ่ม เห็นพ่อของ น.ส.พลอยขับรถกลับมาจากข้างนอก แต่เห็นแค่พ่อ น.ส.พลอยคนเดียว คนอื่นไม่เห็น แต่พอเช้ามาก็ยังไม่มีเห็นใครออกมาจากบ้าน เห็นแค่ประตูหน้าบ้านมีแม่กุญแจล็อกไว้ ที่ผ่านมาไม่ทราบว่านายพีเป็นพระ เพราะเวลาเจอทุกครั้งจะแต่งตัวปกติแบบฆราวาสทั่วไป ซึ่งก็ไม่เคยออกมาพูดคุยหรือทำความรู้จักกับชาวบ้านเวลามาก็จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ต่างกันกับนายเด่นที่มักจะมาพูดคุยกับเพื่อนบ้านเป็นประจำ

นอกจากนี้ยังสังเกตว่าเวลานายพีมาหา น.ส.พลอยที่บ้าน มักจะมีปากเสียงกันเป็นประจำ มีเสียงนายพีดังออกมาจากบ้านอยู่เป็นระยะ ส่วนเด็กในบ้านน่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพักแล้ว เพราะที่ผ่านก่อนเกิดเรื่องไม่เคยเห็นหรือได้ยินเสียงเด็กเลย อีกอย่างคือ ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของ น.ส.พลอยปล่อยให้บ้านทรุดโทรม ไม่เคยซ่อมแซม แต่พอมีพระพี พบว่าบ้านเริ่มมีการปรับปรุงสร้างต่อเติมให้ดีขึ้น ทั้งบริเวณหน้าบ้านจากที่ไม่เคยมีรั้วกั้น ปัจจุบันมีประตูไม้ปิดมิดชิด รวมทั้งกันสาดหน้าบ้าน และ โรงจอดรถที่เพิ่งต่อเติมใหม่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเงินจากพระรายนี้หรือไม่

เพื่อนบ้าน กล่าวต่อว่า ส่วนตัวแล้วอยากให้พระพีที่เป็นพระไปอยู่ที่วัด ไม่ใช่ออกมามั่วสีกา ซึ่งจะทำให้พระพุทธศาสนานั้นเสื่อม และหยุดกล่าวอ้างว่ามีอิทธิฤทธิ์สามารถทำคุณไสยเสน่ห์และดูดวงให้คนอื่น ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบว่าพระพีหนีไปไหนแล้ว