
เด็กม.3 ถูกเจ้าของรีสอร์ตบังคับขายตัว แลกหนี้ 6,000 บาท
เผยแพร่
นักเรียน ม.3 ร่ำไห้วอนช่วยเหลือ ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตบังคับขายบริการ สนองตัณหาแขกที่เข้ามาพัก หลังไปยืมเงิน 6,300 บาท รักษาย่าป่วยต้องผ่าตัดด่วน
นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้พา น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรม ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.3 ใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ โดยอ้างว่า น้องเอ ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งในอำเภอ บังคับให้ขายบริการสนองตัณหาแขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ตของตัวเอง เพื่อขัดดอกหลังจากที่น้องไปยืมเงินเสี่ย 6,300 บาท เพื่อนำไปรักษาย่าวัย 70 ปีที่ป่วยต้องผ่าตัดด่วน เมื่อเด็กไม่ยอมก็ขู่ว่าจะแจ้งความ และประจานให้อับอาย
หญิงสาวกว่า 30 คน เข้าแจ้งความถูกนำภาพไปขายบริการ
เด็กม.3 ถูกพ่อด่าเล่นโทรศัพท์ คว้ามีดแทงเสียชีวิต
น้องเอ เล่าว่า เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.2564 เธอมีปัญหาในครอบครัวทะเลาะกับพ่อ จนถูกพ่อไล่ออกจากบ้านด้วยความน้อยใจ จึงไปขออาศัยอยู่กับรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่พักอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง รุ่นพี่คนดังกล่าวก็เลยพาไปแนะนำให้รู้จักกับเฮียเจ้าของรีสอร์ต แต่พอตนไปอยู่ด้วยประมาณ 2 สัปดาห์รุ่นพี่คนดังกล่าวก็มีแฟน แล้วก็ย้ายไปอยู่กับแฟนปล่อยให้เธออยู่ห้องคนเดียว จากนั้นเฮียเจ้าของรีสอร์ตก็เรียกให้เข้าไปหา โดยถามว่าสนใจมาดูแลเฮียไหม ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าการดูแล คือการหุงหาอาหาร ทำกับข้าวกับปลา จึงตอบไปว่าขอคิดดูก่อน แต่เธอสุดท้ายก็ไปไม่
กระทั่งกลับไปอยู่ที่บ้านต่อมาช่วงเดือน ธ.ค.2564 ย่าอายุ 70 ปี ก็ล้มป่วยต้องผ่าตัดถุงน้ำดีในรังไข่ด่วน แต่ที่บ้านไม่มีเงินเธอก็เลยโทรไปขอยืมเงินรุ่นพี่ผู้หญิงที่เธอเคยไปขออยู่ด้วย แต่เขาบอกว่าไม่มีเงินให้ยืมกลับแนะนำให้เธอลองไปขอยืมเฮียเจ้าของรีสอร์ตดู เธอจึงตัดสินใจไปยืมเงินจากเฮียตามที่รุ่นพี่แนะนำ แล้วเฮียก็บอกให้เข้าไปหาเพื่อให้เซ็นสัญญากู้ยืมโดยให้เธอเขียนเองด้วยลายมือ แล้วเธอก็นำเงิน 6,300 บาทที่ยืมไปจ่ายค่ารักษาย่า
กระทั่งช่วงเดือน ธ.ค.64 หรือ ม.ค.65 เฮียเรียกเธอเข้าไปหาบอกว่าให้มาดูแลเฮียหน่อย เธอก็เข้าใจว่าเฮียไม่สบายต้องการให้ไปหาข้าว หาน้ำให้กิน เธอก็เลยเข้าไปหาที่รีสอร์ท แต่พอไปถึงเฮียก็กระชากแขนลากเข้าห้อง แล้วเฮียพยายามข่มขืน แต่เธอไม่ยอมจึงดิ้นขัดขืนจนสามารถหนีออกมาได้ ก็เลยโทรบอกให้เพื่อนมารับออกไป
น้องเอ เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่เธอหนีออกมาได้ประมาณ 2 เดือน เฮียก็โทรไปขู่เธอบอกว่าถ้าไม่มาทำงานใช้หนี้ที่ยืมไป จะไปบอกให้ที่บ้านรู้และจะไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งการทำงานใช้หนี้คือบังคับให้เธอขายบริการให้กับแขกที่มาพักในรีสอร์ต แต่แขกคนแรกเธอนั่งร้องไห้อย่างเดียวจนแขกสงสารจึงไม่ได้ทำอะไร และให้เงินมา 1,500 บาท
จากนั้นเธอก็หายไปไม่ติดกับเฮียเจ้าของรีสอร์ตอีก จนผ่านไปเกือบเดือนเฮียก็โทรไปขู่อีกว่าถ้าไม่มาทำงานให้ จะไปแจ้งความและประจานให้ที่บ้านรู้ เธอไม่อยากให้ที่บ้านรู้และคิดมาก เพราะย่าป่วยติดเตียง ปู่ก็เป็นอัลไซเมอร์ เธอก็เลยจำใจต้องไปรับแขกตามที่เฮียสั่งรวมทั้งหมด 4 ครั้ง แต่หนีก็ยังคงเหลือ 6,300 บาทเหมือนเดิม กระทั่งเมื่อ 2–3 วันก่อนเฮียก็ไลน์มาให้เข้าไปหาอีก แต่ตนไม่อยากทำงานแบบนี้แล้วจึงตอบปฏิเสธไป แล้วไปขอความช่วยเหลือจากแม่บุญธรรม
ด้าน น.ส.น้อย (นามสมมติ) แม่บุญธรรม บอกว่า จากสิ่งที่เด็กเล่าบอกถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง ที่ตัดสินใจไปยืมเงินเพื่อมารักษาย่าป่วย แต่ต้องมาขายบริการเพราะถูกข่มขู่จะแจ้งความเอาเรื่องไปประจานที่บ้านเด็กก็กลัวจึงต้องยอมทำ แถมยังขู่ด้วยว่าทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเขารู้จักตำรวจในพื้นที่ทุกคน ตนจึงไม่กล้าพาเด็กไปแจ้งความเพราะหากเป็นเหมือนที่อ้าง ก็กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวเรื่องความปลอดภัย แต่ที่นำเรื่องออกมาร้องผ่านสื่อเพราะต้องการให้มูลนิธิฯ หรือหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ เข้ามาช่วยเหลือน้องด้วย
เบื้องต้นตนก็ได้พาน้องไปตรวจร่างกายที่ รพ. หมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อ และยาป้องกันติดเชื้อ HIV มารับประทาน ตอนนี้ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจเด็กที่โดนกระทำในลักษณะดังกล่าวก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline