วันนี้ 2 มิ.ย. 2565 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังศูนย์ดูแลสัตว์ของเพจ "หมามะเร็ง" พบว่าตั้งอยู่กลางป่าริมถนน ที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สร้างรั้วรอบขอบชิดด้วยเมทัลชีท ป้องกันไม่ให้หมาหลุดรอดออกมาได้ ภายในมีโรงเรือน สำหรับให้หมา แมว อยู่ บางส่วนเลี้ยงแบบปล่อย และบางส่วนให้อยู่ในกรง กรงละ 1 ตัว และแบ่งโซนหมาที่ยังป่วย และหมาที่หายแล้วชัดเจน
4 ตุลาคม “วันสัตว์โลก” ช่วยกันรักษาสวัสดิภาพของสัตว์
โดยจำนวนหมา แมว ที่เพจหมามะเร็ง รับมาดูแลขณะนี้มีทั้งหมด 200 ตัว ในจำนวนนี้มี 140 ตัว ป่วยด้วยโรคมะเร็ง รถชน ขาหัก ส่วนที่เหลืออีก 60 ตัว รักษาหายแล้ว แต่ไม่มีเจ้าของมารับกลับ หรือเป็นสัตว์จรจัดที่ไม่มีเจ้าของแต่แรก จึงต้องรับดูแลต่อ
จังหวะที่ทีมข่าวเข้าไปถึง พบว่าเจ้าหน้าที่กำลังทำแผลให้สุนัขตัวนึงอยู่พอดี เจ้าหน้าที่เล่าว่าแต่ละวันศูนย์ จะคอยดูแลหมาที่ป่วย เช่น การล้างแผล ทำความสะอาด ให้ยา สำหรับหมาที่ป่วย และในบางตัวที่อาการหนัก หรือถึงระยะต้องพาไปหาหมอ ก็จะต้องอุ้มขึ้นรถพาไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ อย่างหมาตัวสีดำตัวนี้ ที่เป็นมะเร็งโพรงจมูกเพิ่งถูกรับตัวมาจากวัดแถวนนทบุรี เพราะหลวงพ่อขอความช่วยเหลือมา และวันนี้พามาให้คีโมเป็นวันแรก ซึ่งปกติแล้วบ้านพักสัตว์แห่งนี้จะพาสัตว์ไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์สัตหีบประจำ
นายสัตวแพทย์ศราวุธ เขียวดี ผู้จัดการโรงพยาบาลสัตว์สัตหีบ เพื่อขอคำชี้แจง เพราะโรงพยาบาลเองก็ตกเป็นประเด็นดราม่าว่ารู้เห็นกับเงินบริจาค และไม่ได้ทำการรักษาหมาจริง
นายสัตวแพทย์ศราวุธ นำเอกสารเป็นบันทึกการรักษาหมาหลายแฟ้ม ที่เก็บไว้ตั้งแต่ปี 60 ซึ่งเริ่มรักษาหมาจากเพจหมามะเร็ง มาแสดงให้ทีมข่าวได้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่า ที่โรงพยาบาลรักษาหมาที่ป่วยจริง และรักษาอย่างดี เหมือนกับหมาทุกตัวที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นหมาที่มีเจ้าของ
โดยเมื่อคืนที่เกิดเรื่องตัวเองตกใจมาก ที่โดนกล่าวหาแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องการออกใบเสร็จ ที่ถูกชาวเน็ตโจมตีว่า ทำไมออกมาในช่วงกลางดึก ในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องพอดี และกลายเป็นเหมือนคนที่สมคบคิดเรื่องเงินบริจาค ทั้งๆที่โรงพยาบาลไม่เคยมีใครรับรู้เรื่องเงินบริจาคเลย เพียงแต่มีหน้าที่รักษาสัตว์เท่านั้น ซึ่งก็รักษาแบบไม่ได้คิดกำไร เพราะอยากช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้เจ้าของเพจหมามะเร็ง ก็ค้างจ่ายค่ารักษาโรงพยาบาลอยู่ 170,000 บาท
ขณะที่มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ทางฝ่ายกฎหมาย ยอมรับว่าช่วงนี้มีประชาชนติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากอยากให้ไปตรวจสอบเพจหมามะเร็ง เพราะก่อนหน่านี้วอชด็อกเองก็เคยช่วยแชร์ และบางครั้งก็ส่งต่อเคสสุนัขให้กับเพจหมามะเร็งด้วย
ทางวอชด็อกยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและไม่มีอำนาจไปตรวจสอบเพจดังกล่าว แต่ประชาชนที่บริจาคเงินสามารถตรวจสอบเองได้ ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของเพจที่จะต้องออกมาชี้แจงกับสังคม ซึ่งวอชด็อกมองว่าที่ผ่านมาเคยร่วมงานกับเพจนี้ก็ไม่เคยพบความผิดปกติอะไร และทางมูลนิธิทราบดีว่าศูนย์พักพิงสัตว์หลายที่กำลังประสบปัญหาต้องพึ่งพาเงินบริจาคอยู่เสมอ ดังนั้นจึงช่วยแชร์เป็นประจำ
วอชด็อกยังบอกอีกว่า ไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกกังวลไม่กล้าบริจาคเลย เพราะยังมีสัตว์อีกจำนวนมากที่ขาดแคลนอาหาร พร้อมฝากไปถึงคนที่ดูแลสัตว์ บ้านพักพิงต่างๆไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง อย่างน้อยก็เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ว่าสามารถตรวจสอบบัญชีได้