หนึ่งในนั้นก็มีบทความจากเฟซบุ๊กของคุณ Suchapat Jedsadawaranon (สุชาพัชร เจษฎาวรานนท์) หรือ "คุณแม่จอย" ซึ่งเป็นแม่ของหนึ่งในเด็กนักเรียน ของโรงเรียนเพลินพัฒนา ที่ออกมาแชร์เรื่องราวที่ลูกสาวมาบอกเล่าให้ฟังหลังได้เข้าอบรมหลักสูตรเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง หรือ (Active Shooter) โดยทีมครูฝึกจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา
วิเคราะห์เหตุอดีตตำรวจคลั่ง สังหารหมู่
นักวิชาการ เตือนสื่อนำเสนอข่าวสังหารหมู่
เธอบอกว่า ลูกสาวตื่นเต้นและประทับใจมาก ตอนอยู่ในสถานการณ์จำลองทั้งหน้ามืด หูดับ หายใจไม่ออก ขาอ่อนแรง แต่ก็ได้ฝึกเรียนรู้และพยายามจัดการกับอาการของร่างกายแบบนี้ เพื่อจะได้เอาตัวรอดอย่างมีสติ
โดยเธอมองว่า การที่รร.จัดอบรมหลักสูตรนี้ถือเป็นประโยชน์กับเด็กๆ อย่างมาก และอยากจะให้ทุกรร. หรือสถานศึกษาเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรบรรจุเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนไปเลย เพื่อให้เด็กเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ถูกวิธีและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ที่เพิ่งโพสต์คลิปสั้นจำลองวิธีเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง โดยเป็นหนึ่งในวิชาที่สอนให้กับนักศึกษาในคณะด้วยนั่นเอง ที่สะท้อนว่าไม่ว่าจะในสถานศึกษาระดับชั้นไหน ทุกคนก็ควรจะได้รับข้อมูลและการเตรียมตัวที่ถูกต้องไว้
ซึ่งหลักการเอาตัวรอดที่เป็นหลักสากลโดย FBI และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลาย ๆ ประเทศ นำมาใช้แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง ก็คือหลัก “หนี ซ่อน สู้” หรือ “Run Hide Fight”
1. “หนี – Run”
ให้ทำเมื่อสามารถหาเส้นทางหลบหนีที่พาไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ วิธีการคือ
- เวลาไปสถานที่ต่าง ๆ ให้จดจำทาง เข้า - ออก และทางออกฉุกเฉินให้เป็นนิสัย
- เมื่อเกิดเหตุต้องตั้งสติให้ดี และมองหาเส้นทางในการหลบหนี
- ทิ้งของทุกอย่างที่ไม่จำเป็น
- ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่สามารถช่วยได้
2. “ซ่อน – Hide”
ให้ทำเมื่อไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัว วิธีการคือ
- ล็อกประตูและหาสิ่งที่ของมาใช้กีดขวางคนร้ายเพื่อไม่ให้มาถึงตัว
- ซ่อนให้พ้นสายตาโดยหลบหลังสิ่งของขนาดใหญ่และแข็งแรง เช่น โต๊ะ กำแพง เป็นต้น
- ปิดไฟในห้อง และปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ
- อยู่ให้เงียบที่สุด ไม่พูดคุยหรือใช้เสียง
3. “สู้ – Fight”
เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามาถึงตัวหรือโจมตีมาที่ตน วิธีการคือ
- ร่วมกันสู้สุดกำลัง เพื่อให้มีโอกาสรอด
- ใช้การซุ่มโจมตีโดยไม่ให้คนร้ายรู้ตัว เพื่อหยุดยั้งคนร้าย
- ใช้สิ่งของทุกอย่างที่หาได้มาเป็นอาวุธ
- ใช้ทุกวิธีการที่นึกได้ ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ทั้งนี้ หากพบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์กราดยิง หรือเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธปืนต่าง ๆ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไประงับเหตุ โดยการโทรศัพท์แจ้งเหตุที่หมายเลข 191 จะต้องมั่นใจว่าในขณะที่ทำการโทร ตนเองอยู่นอกระยะการมองเห็นหรือได้ยินของคนร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายพุ่งเป้าในการโจมตีมาที่ตน