นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง การจัดงานเทศกาลฮาโลวีนในเย็นวันนี้(31 ต.ค.) ว่า ได้สั่งการให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ไปดูพื้นที่จุดเสี่ยง ในการจัดงานวันฮาโลวีน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ย่านสถานบันเทิง อาจไม่เหมือนที่อินแทวอน แต่มีพื้นที่สีลมซอย 2 อาจจะมีลักษณะคล้ายคลึงกันบ้าง ตรงทางเข้าที่แคบ และมีร้านจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตเข้าไปดู
นายกฯ เล็กกรุงโซล เล็งเสนอประกาศภัยพิบัติทั้งเมือง
สุดแสบ! หลอกรับจำนำรถ สุดท้ายเชิดเอาไปจำนำเต็นท์รถต่อ
ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมา กทม. ได้มีการกวดขันเรื่องสถานบันเทิง มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะจุดทางเข้าออก ขณะที่ผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่จำเป็นที่จะต้องเคร่งครัดให้มากขึ้น
เช่นเดียวกับเทศกาลลอยกระทงที่จะถึงในสัปดาห์หน้านี้ ก็จะนำเหตุการณ์ที่อินแทวอนมาศึกษา ซึ่งพบว่าไม่ได้มีการจัดงานมาถึง 2 ปี ทำให้มีคนเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ตนเองจึงได้สั่งให้นายศานนท์ หวังสร้างบุญ และนางสาวทวิดา กลมเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการกำชับเรื่องเทศกาลลอยกระทง ที่อาจจะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์อินแทวอน เนื่องจากไม่ได้มีการจัดงานใหญ่มาหลายปี
โดยในพื้นที่จะต้องมีมาตรการเข้าออก ไม่ให้เน้นในเรื่องขายของ แต่เน้นความปลอดภัยของประชาชนในการเดินเที่ยวงานและการเดินทางกลับอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็เป็นห่วง ในเรื่องการเดินเบียดกัน และการผลัดตกน้ำ ดังนั้น จะต้องมีมาตรการหรือแผนในการจัดงานในแต่ละพื้นที่ เช่น ต้องมีจุดเข้าออกชัดเจน มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พร้อมตั้งศูนย์บัญชาการ และใช้กล้องวงจรปิดช่วยจับ เพื่อคอยเตือนประชาชน ในการเดินทางเข้าออก ซึ่งทุกเขตที่จัดงานลอยกระทงก็จะเน้นเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง และต้องมีการทำแผนให้พร้อม
ขณะเดียวกันขอฝากทุกคนให้ระวังตัว และให้ความร่วมมือกับรัฐที่พยายามออกมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัย ขอให้ทยอยไปร่วมกิจกรรม หากมีความแออัด ควรหลีกเลี่ยง และจากเหตุการณ์ที่อินแทวอน มีการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR ซึ่งทุกคนมีความรู้และทำเป็น จึงเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่กรุงเทพมหานครเห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีและเริ่มมีการสอนอบรมไปบ้างแล้ว และต่อไปโรงเรียนในพื้นที่ กทม. จะต้องมีหลักสูตรนี้ ที่สอนการทำ CPR อย่างจริงจังรวมถึงเจ้าหน้าที่ของ กทม. ด้วยอย่ามองเป็นเรื่องเล็กๆ เพราะเมื่อเกิดเรื่องมาแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น กทม. จะต้องทำเรื่องนี้ได้