เมื่อคืนนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “สาวไส้ 5 กลุ่มมาเฟียจีน” หลังจากการเปิดแผลจาก “ผับแฝงยานนาวา” จิ๊กซอว์ “อาชญากรจีนเทา” ในไทยที่เสวยสุขมานาน แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาทั้ง กรุงเทพฯ พัทยา ไปยันภูเก็ต เริ่มปรากฏภาพชัดเจนขึ้น หากไม่จัดการวันนี้ เหล่า “อั้งยี่กุมารจีน” จะเหิมเกริม สร้างอิทธิพลแทรกซึมในประเทศไทย
“ลิเวอร์พูล” หวังแย่ง “บาเยิร์น” คว้า “ไลเมอร์” ม.ค.นี้
"ยูเครน" หวั่น "รัสเซีย" ใช้จรวดอิหร่าน เพราะยากที่รับมือ
"เสรีพิสุทธ์" ซัดรัฐบาลเปิดช่องต่างชาติซื้อที่ดิน เตือนระวังคนไทยอยู่เหมือนขอทาน
เสร็จแล้วกว้านซื้อที่ดิน ทรัพย์สินในไทย ทั้งโรงงาน และหมู่บ้าน เช่น รัชดา บางหมู่บ้านคนจีนเป็นเจ้าของเกือบครึ่ง โดยใช้ชื่อบริษัทนอมินีซื้อเงินสดเป็นเจ้าของโฉนด คนไทยกลายเป็นชนกลุ่มน้อย โดยไม่ต้องรอกฎหมายขายที่ให้ต่างชาติ
ที่สำคัญ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยข้อมูลมาเฟียจีน 5 กลุ่มในไทย มีพฤติกรรมเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง คือ
กลุ่ม 1 “ต.ห.” เป็นคนจีนแปลงสัญชาติไทย ใจถึง เพราะอยู่นาน เส้นใหญ่ ตำรวจเกรงใจ เพราะมักอ้างตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ข่าวที่บุกยานนาวา จับคนจีนมาร่วมร้อย ได้ปลาซิวปลาสร้อย แต่มีตำรวจมือดี แอบปล่อยตัวผู้ต้องหาปลาใหญ่ไป 1 ตัว พรายกระซิบมาว่า คือ “ต.ห.” นั่นเอง ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆ หากวันนั้นถูกจับ กระเทือนไปถึงพรรคใหญ่แน่ เลยต้องเอาตัวออกมาก่อน ขนาดระดับรองผู้กำกับ ลงมือหิ้วผู้ต้องหาออกจากโรงพักหน้าตาเฉย คิดดูว่าต้องใหญ่แค่ไหน?
กลุ่ม 2 “โทนี่” สไตล์จีนชอบโชว์ นั่งรถโรลส์รอย มีนางแบบจีนขนาบข้างคลอเคลีย บอดี้การ์ดตามเป็นพรวน โทนี่พยายามเข้าหานักการเมืองไทย ขอแจมโครงการสารพัดช่วงโควิด ไม่ว่าหน้ากากอนามัย เครื่องตรวจ ATK เอาหมด
เป็นเจ้าของ “S P ผับ” ลงทุน 400-500 ล้าน S P ผับ มีช่องทางลับ ประตูพิเศษเชื่อมต่อไปให้เฉพาะคนจีนเข้าได้เท่านั้น มีห้องไว้เล่นยาต่างหาก มีคนชื่อ “น้อย” คอยเคลียร์ที่ สน.มักกะสัน ตำรวจเขารู้จักกันดี
กลุ่ม 3 “เดวิด“ เจ้าของ “B F ผับ” (ที่ถูกจับเมื่อวาน) แหล่งซ่องสุมคนเล่นยาใส่แว่นดำสั่นหัวกันทั่วผับ ขานี้อยู่ไทยนาน พูดไทยคล่อง แต่ก่อนเปิดบ่อนซี้กับนายตำรวจใหญ่ระดับนายพล ชื่อเล่นย่อ “ก.” ที่เข้าคุกเรื่องบ่อน
กลุ่ม 4 “ยู่ ฉาง เฟย” ไปสร้างอาณาจักรผับใหญ่ที่พัทยา มีบ้านใหญ่โตหรูหราอย่างกับวัง หูตาไว พอมีเรื่องเผ่นไปมุกดาหาร จะข้ามฝั่งนั่งรถไฟความเร็วสูงของลาวกลับจีน แต่ไม่ทันตำรวจไทย “บิ๊กโจ๊ก” โดดรวบคาด่าน
กลุ่ม 5 “หมิง” แห่ง “T O ผับ” แตกตัวมาจาก ยู่ ฉาง เฟย ทิ้งให้คุมกรุงเทพฯ ย่านรัชดา ทำมานาน คู่กับ “กู๋เอี่ยว” แห่ง “C O ผับ” ที่พัทยา สไตล์จีนแท้ โวยวายจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่แล้ว มาจับอั๊วอีกได้ไง? ซึ่งกู๋เอี๋ยวเมื่อวานนี้ก็เพิ่งจะโดนจับคดีสวมบัตรประชาชนปลอม ที่พัทยา โดยทั้ง 5 กลุ่ม รู้จักกัน อยู่ภายใต้ “กงสีใหญ่” ของ “เจ้าเหว่ย” แห่ง “คิงส์โรมัน” คนนี้คือตัวจริงเสียงจริง ไม่เคยย่างกรายมาเหยียบเมืองไทย แต่เส้นสนกลในมากมาย หากไทยมีปัญหาก็ข้ามไปพม่า เมียวดี ลาว หรือเขมร ที่สีหนุห์วิลล์
ส่วนรองหัวหน้าของกงสีใหญ่ชื่อ “อาเฟย” อายุ 70 กว่า มีเงินระดับหลายหมื่นล้าน ทั้ง 5 กลุ่มจะต้องส่งเงินให้กงสีใหญ่ผ่าน อาเฟย ไปถึง จ้าวเหว่ย ที่เป็นเสมือนบริษัทแม่คิงส์โรมัน งานนี้บิ๊กต่อกับบิ๊กโจ๊ก รายงานไปถึง ผบ.ตร.และนายกฯ ได้เลย มีข้อมูลว่า สำหรับ “เจ้าเหว่ย” หรือเจ้าพ่อคิงส์โรมัน คือ นักธุรกิจหมื่นล้านจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาแผ่อำนาจฝังตัวจนกลายเป็นเจ้าพ่อยึดของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในเขตของ สปป.ลาว และยังเป็น เจ้าของกาสิโนในมาเก๊าด้วย
เมื่อวานนี้ นายชูวิทย์ ยังได้เดินทางไปร่วมการแถลงข่าวของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังการปูพรมบุกตรวจค้นผับ และบ้านพัก ของนายทุนจีนทั่วประเทศ รวม 42 จุด
นายชูวิทย์ ย้ำว่า การปราบปรามทุนจีนสีเทา ถือเป็นเรื่องที่ต้องจัดการมานานแล้ว เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ แต่ก็มองว่า คงต้องให้เวลาตำรวจในการทำงาน แต่การเดินหน้าปราบอย่างจริงจัง ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงกลุ่มคนจีนสีเทาแล้วว่า ให้กลุ่มทุนจีนสีเทาออกไปจากประเทศไทย
ประเด็นสำคัญ นายชูวิทย์ ฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ ที่รับเงินของกลุ่มทุนจีนสีเทา เพื่อให้ช่วยเคลียร์เรื่องที่ผิดกฎหมาย ตอนนี้เตรียมตัว เพราะคนจีนพวกนี้ปากโป้ง พอจ่ายเงินแล้วก็จะทวงบุญคุณ
นายชูวิทย์ ยังเผยว่า ต้องขอบคุณ รอง ผบ.ตร. ทั้งสองที่รับฟังข้อมูล เบาะแส และการชี้เป้าของเขาบางส่วน จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดอย่างรวดเร็ว พร้อมบอกว่า ตัวเขาไม่กลัวตาย ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
