วันที่ 1 พ.ย. 2565 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้ดำเนินคดีอาญากับตำรวจยศดาบตำรวจ 2 นาย สังกัด สืบสวนนครบาล 3 และ สืบสวนภูธรจังหวัดราชบุรี และทหารอากาศอีก 1 นาย ยศพันจ่าอากาศเอก
หลังกระทำผิดฐาน ร่วมกันเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎรของพี่สาว พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. เอาไปขายให้กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์โดยหลอกเอาเงินสดไปได้กว่า 3 ล้านบาท
ตั้งกก.สอบขรก.พาณิชย์ขายข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์
รวบคอลเซ็นเตอร์ปลอมเป็นผกก.เชียงราย หลอกเหยื่อสูญเงินกว่า 150 ล้าน
ตรวจสลากออมสินพิเศษ 2 ปี และสลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากผู้เสียหายว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน จนต่อมาเกิดความสงสัยว่าแก๊งดังกล่าวได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาได้อย่างไร จึงไปติดต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ และพบว่ามีตำรวจ 2 นาย เข้าดูข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหาย ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะติดต่อมาไม่ถึง 20 นาที จึงเชื่อว่าตำรวจทั้ง 2 นายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ไปร้องต่อต้นสังกัดของตำรวจทั้ง 2 นายให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
โดยกรณีที่จังหวัดราชบุรี ดาบตำรวจอ้างว่ามีทหารอากาศเป็นผู้สั่งการให้เข้าถึงข้อมูลผู้เสียหาย และคณะกรรมการมีมติว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และสั่งลงโทษกักขัง โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทราบว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีทราบเรื่อง และได้เร่งรัดให้กักขังดาบตำรวจคนดังกล่าวตามบทลงโทษ รวมถึงเร่งรัดให้จับกุมทหารอากาศ ที่เป็นผู้สั่งการมาดำเนินคดี
ส่วนกรณีของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เบื้องต้นดาบตำรวจ ให้การว่า มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งให้เข้าถึงข้อมูลวันละ 30 ชื่อ แต่ผลการสอบสวนไม่ทราบแน่ชัด เพราะไม่มีการรายงานผลกลับมายังผู้เสียหาย แต่มั่นใจว่าดาบตำรวจทั้ง 2 นาย รวมถึงผู้ที่สั่งการเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน เพราะเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ผ่านระบบของตำรวจ และเหตุเกิดช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ดังนั้นจึงขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร์ , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , และ ความผิดตาม พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ รวมถึงขยายผลตรวจสอบข้าราชการระดับสูงที่มีใบสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลักลอบนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์ไปขาย
และตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยเบื้องต้นทราบว่าเงินของผู้เสียหายถูกกดออกจากบัญชีธนาคารในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และบางส่วนโอนกลับมาที่ร้านวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย แต่ก็ถูกกดเงินออกไปทั้งหมดแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ บอกว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องร้องเรียนไว้ และสั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด หากพบว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน