วันที่ 2 พ.ย. 2565 เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ เดินทางไปถึงมูลนิธิคุ้มครองเด็กบ้านครูยุ่น จ. สมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่กำลังจะแจ้งสิทธิ์ที่จะมารับตัวเด็กออกไปคุ้มครองตามกฎหมายปรากฏว่าพูดได้ไม่กี่คำ ลูกชายของครูยุ่น ก็ต่อสายโทรศัพท์ถึง นายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งนี้
โดยประเด็นแรกที่ นายแก้วสรร พูดก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อกฎหมายมาดีแล้วใช่ไหม จู่ๆจะมาพาเด็กทั้งหมดออกไปจากมูลนิธิไม่ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนฟังความฝั่งของครูยุ่นด้วย
ปักหมุดเที่ยวงาน “ลอยกระทง 2565” ทั่วกรุงเทพฯ 6-8 พ.ย.นี้
"วันลอยกระทง" 8 พ.ย.65 ชมปรากฎการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” เห็นด้วยตาเปล่าทุกภาคทั่วไทย
ยืนยันว่าข้อกล่าวหาเรื่องตีเด็กนั้นเป็นการสั่งสอนใช้อำนาจทางปกครองปกติ ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ส่วนเด็กที่ถูกเจ้าหน้าที่พาไปสอบปากคำ 1 ใน 8 คนก่อนหน้านี้ก็เป็นเด็กเกเรติดยาเสพติด และนำยาเสพติดมาให้น้องๆในมูลนิธิด้วย ถ้าวันนี้เจ้าหน้าที่จะพาเด็กทั้งหมดไป โดยอ้างจากคำให้การของเด็กเพียงแค่ 8 คน ทางมูลนิธิไม่ยินยอม พร้อมกับขอให้ทางเจ้าหน้าที่ พม. พูดคุยกับเด็กๆคนอื่นที่อยู่ในมูลนิธิก่อน เพื่อสอบถามความสมัครใจว่าเด็กๆอยากจะไปหรือไม่
หลังวางโทรศัพท์กับ นายแก้วสรร เจ้าหน้าที่ พม.ก็เปลี่ยนท่าที ไม่ได้เอาตัวเด็กไปทันที แต่เข้าพูดคุยกับเด็กที่อยู่ในมูลนิธิ
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดจากมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้าไปทำกิจกรรมในบ้านพักเด็กแห่งนี้ แล้วสังเกตพฤติกรรมาเด็กไม่ค่อยร่าเริง เช่น จ้างให้เด็กเต้น 200 บาท แต่ไม่มีเด็กคนไหนอยากลุกออกมาเต้นเลย ซึ่งผิดปกติของเด็กตามมูลนิธิทั่วไปที่จะอยากได้เงินไปซื้อขนม จึงสืบสาวราวเรื่องก็พบว่าของดี ๆ ที่มีคนนำมาบริจาค รวมถึงเงินจะถูกครูยุ่นยึดเอาไว้หมด แม้แต่น้ำขวดที่มีคนเอามาบริจาคเด็กๆก็ไม่ได้กิน ซ้ำยังมีเด็กบางคนอ้างว่าถูกทำร้ายด้วย จะนำเรื่องนี้แจ้งกับมูลนิธิเส้นด้าย
เมื่อทางเส้นด้ายลงพื้นที่ปรากฏว่า ได้รับข้อมูลจากเด็กๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลเด็กที่ไม่ปกติของครูยุ่น ยกตัวอย่างเช่น พาเด็กไปใช้งานในรีสอร์ทส่วนตัว แต่ไม่ให้ค่าจ้าง หรือบอกว่าจะให้ค่าจ้าง แต่ก็ถูกหักค่าจ้างจนไม่เหลือ ตีเด็กรุนแรง ด้วยท่อนเหล็ก ลงโทษด้วยการจับเด็กกดน้ำ เวลาอารมณ์เสีย มักเอาเสื้อผ้าเด็กไปคลุกสิ่งปฏิกูล
เมื่อผู้ปกครองบางคนจะมารับเด็กกลับบ้านก็จะเกลี้ยกล่อมผู้ปกครองไม่ให้พาเด็กกลับบ้าน บอกว่าอยู่ที่นี่ก็จะได้สุขสบายได้เรียนหนังสือ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็เลยยินยอม
หนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญ คลิปวิดีโอที่ถูก เด็กๆ แอบถ่ายไว้ในมูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งนี้ ซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งถูกเรียกออกมายืนทำโทษ ขณะที่เด็กอีกกลุ่มได้แต่นั่งดู ส่วนคุณครูผู้ดูแลคนที่ตีเด็กด้วยความแรงถึง 5 ทีนั้น ได้ใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรงตลอดทั้งคลิปวิดีโอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้รับรายงานว่าเป็นเหตุการณ์ลงโทษหลังจากที่มีเด็กกลุ่มหนึ่งหนีไปเล่นน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรื่องนี้เป็นคดีความแล้วเรียบร้อยมีเด็ก 8 คน ถูกพาตัวออกมาจากมูลนิธิเพื่อสอบปากคำ ปรากฏว่าจากการสอบปากคำ เด็กๆให้การชัดเจนเรื่องการถูกตี และถูกพาไปใช้แรงงานโดยไม่เป็นธรรม เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียก นายมนตรี สินทวิชัยหรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็กแล้ว
ด้าน นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยอมรับว่ามีการตรวจตรามาตลอดแต่ครูยุ่นมีภาพลักษณ์ที่ดี และมูลนิธิแห่งนี้เปิดมานานแล้วจึงคิดว่าน่าจะเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้การตรวจตราอาจจะไม่เข้มงวด และไม่ได้เบาะแสว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในมูลนิธิ
ล่าสุดวันนี้ 2 พ.ย. 25654 ทีมข่าวลงพื้นที่มูลนิธิคุ้มครองเด็กบ้านครูยุ่น พบกับผู้ปกครองของเด็ก 1 ใน 8 คนที่ถูกพาตัวไปสอบปากคำ เธอเล่าว่าพาหลาน 3 คน มาฝากอยู่ที่นี่ประมาณ 10 ปีแล้ว เมื่อก่อนก็มาเยี่ยมบ่อยๆ แต่ช่วงโควิดไม่ได้มาเยี่ยม 3 ปีแล้ว
เธอบอกว่าเดินทางมาที่มูลนิธิแห่งนี้เพราะครูยุ่นโทรไปตาม บอกว่าหลานของเธอถูกพาตัวไปที่อื่นโดยไม่ทราบว่าไปไหน เธอจึงเป็นห่วง พร้อมยังบอกว่าเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของครูยุ่น เพราะหลายครั้งที่เดินทางมาก็เห็นว่าหลานกินดีอยู่ดีและครูยุ่นน่าจะลงโทษเด็กตามปกติไม่ได้ทารุณกรรม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามความสมัครใจของเด็กๆภายในมูลนิธิปรากฏว่ามีเด็กอีกจำนวนหนึ่งที่มีความประสงค์ที่จะออกไปด้านนอกไม่อยากอยู่ที่มูลนิธิแห่งนี้แล้วแต่ยังไม่ทราบจำนวน
ขณะที่พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างเก็บหลักฐานและคัดแยกเด็กเพิ่มเติม และในวันพรุ่งนี้ ( 3 พ.ย.) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเองพร้อมให้ข้อมูลว่าครูยุ่นได้พาเด็กบางส่วนหลบหนีไป ขณะนี้กำลังขออนุมัติศาล ออกหมายจับใน 2 ข้อหาคือทำร้ายร่างกายเด็กและใช้แรงงานเด็ก.