สูญเงิน 5 หมื่น สาวผูกบัญชีธนาคารกับแอปฯ ซื้อของออนไลน์ ตร.แนะ 8 วิธีป้องกัน

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สาวรายหนึ่งเผย ผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ชื่อดัง แต่ถูกโอนออกจำนวนหลายครั้งจนหมดบัญชีโดยไม่แจ้งเตือน สูญเงินราว 5 หมื่นบาท ด้านตำรวจไซเบอร์ แนะผู้เสียหายเร่งแจ้งความ พร้อมเผย 8 วิธีป้องกัน

ญี่ปุ่นผลิตเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ป้องกันการลืมเด็กไว้บนรถ

“iPhone 14 Pro - iPhone 13” เจอปัญหาจอค้างและหน้าจอเขียวใน iOS 16

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2565 จากการณีมีสาวโพสต์เฟซบุ๊กเผยว่า ผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ชื่อดัง แต่ถูกโอนเงินออกจนหมดบัญชี จำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 49,396 บาท ซึ่งไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ  จากการตรวจสอบพบว่าเงินถูกโอนไปยังแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ชื่อดัง แม้ผู้เสียหายได้ติดต่อไปยังทางธนาคาร และแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถนำเงินคืนกลับมาได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ระบุว่า จากกรณีมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ต่อมาทราบว่าเงินในบัญชีถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการ ความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุนั้น  

บช.สอท. ได้ให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ ซึ่งได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

โดยการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้หากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่อว่า หากประชาชน หรือองค์กรต่าง ๆ ได้รับความเสียหายสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

สำหรับแนวทางป้องกันอาชญากรรมของมิจฉาชีพ ดังต่อไปนี้

1. หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน

2. บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก 

3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก นอกเหนือจาก  AppStore หรือ Playstore

4. ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)

5. หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)

6. ระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเอง

7. ควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน

8. หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

 

นอกจากนี้หากได้รับความเสียหายให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด  ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

 

Bottom-PL-24 Bottom-PL-24

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ