ขาลงแล้วไง! นักเทรดไทยแห่ซื้อคริปโท 1.4 พันล้าน เหรียญ KUB ฟื้นคืนชีพ +26.6%
ดีเอสไอ ปูพรมค้น 41 จุด ลักลอบใช้ไฟฟ้า ขุดบิตคอยท์
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงข่าวเปิดปฏิบัติการปราบโกงสายฟ้าฟาด ปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้ที่ทำการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในการขุดเหรียญดิจิทัล โดยเฉพาะบิทคอยน์ ในพื้นที่จ.นนทบุรี 39 แห่งและกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง รวม 41 จุด หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนและทำการสืบสวนสอบสวนมาเกือบ 1 ปี โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเพศชาย 1 ราย อายุ 30 ปี และยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลรุ่นเอส 9 ได้ประมาณ 3,500 เครื่อง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดได้ลักลอบติดตั้งเครื่องขุดเงินดิจิทัลแห่งละประมาณ 100 เครื่อง โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ส่งผลให้รัฐเสียหายค่าไฟฟ้าเดือนละ 20-30 ล้านบาท รวม 2 ปีกว่า 500 ล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์ปริมาณสูงมากส่งผลให้มีอุณหภูมิสูงตามไปด้วย
ขณะเดียวกันพบว่าผู้กระทำความผิดมีรายได้จากการขุดเงินดิจิทัล 35 บาทต่อเครื่องต่อวัน จากทั้งหมด 3,500 เครื่อง ทำให้มีรายได้ถึง 4.2 ล้านบาทต่อเดือน รวม 2 ปีมีรายได้กว่า 100 ล้านบาท โดยไม่เสียค่าไฟฟ้า แต่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้หลายร้อยล้านบาท
จากการสอบปากคำผู้ต้องหา พบว่า มีการลักลอบขุดบิทคอยน์มากว่า 2 ปี มีลูกน้องอีกประมาณ 20 คน เป็นกลุ่มคนไทยทั้งหมด โดยอุปกรณ์และข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบได้มีเพียง 1%เท่านั้น ดังนั้นหากคำนวนแล้วถ้ามีการกระทำผิด 100% รัฐจะเสียหายค่าไฟฟ้ากว่า 5 หมื่นล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จากปฏิบัติการที่เกิดขึ้น ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า การลักลอบใช้ไฟฟ้าในช่วง 2 ปีนี้ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงทราบเรื่องหรือสงสัยหรือไม่ และ เป็นไปได้หรือไม่ที่เรื่องดังกล่าวอาจจะเกี่ยวข้องกับการขึ้นค่าไฟฟ้าของประชาชนจนส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน และประเทศเสียหาย จึงขอฝากไปยังการไฟฟ้านครหลวงและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบโดยเร็วที่สุด เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเหตุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที