แฉ! ผู้ใหญ่บ้านเสนอซื้อเฉลยข้อสอบจากติวเตอร์

การทุจริตการสอบนายสิบของตำรวจภูธรภาค 9 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9 หรือ ศฝร.ภ.9 หลังการสอบสวนพบข้อมูลในหลายประเด็น โดยเฉพาะขบวนการซื้อขายข้อสอบครั้งนี้

พล.ต.ท.นันทเดช น้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 บอกว่าจากการสอบปากคำนายภัทร ผู้เข้าสอบที่ถูกจับพร้อมกระดาษคำตอบ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการซื้อขายข้อสอบว่ามีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ทราบว่านายภัทรเป็นผู้สมัครสอบนายสิบเข้ามาติดต่อกับพ่อและญาติของนายภัทรว่าสามารถซื้อคำตอบจากติวเตอร์ได้ 

เปิดพิรุธข้อสอบนายสิบรั่ว ระหว่างขนส่ง

เปิดผลสอบสวน ปมทุจริตสอบนายสิบ ตำรวจภูธรภาค 9 ค่าหัวคนละ 5 แสน

เมื่อสอบปากคำผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นนายหน้าติดต่อเรื่องการซื้อขายข้อสอบจริง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ  พอรู้ว่า “นายภัทร” เป็นผู้สมัครสอบ จึงเข้าไปพูดคุยกับครอบครัว และนัดหมายให้ไปพบที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง เพื่อตกลงจ่ายเงิน และวิธีการรับเฉลยข้อสอบ

เมื่อตำรวจตรวจสอบที่รีสอร์ตดังกล่าว ก็พบว่าในวันเวลาดังกล่าวมีการเปิดห้องพัก โดยใช้ชื่อชายคนหนึ่ง จำนวนหลายห้อง และการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบว่ามีคนเข้า-ออกกว่า 100 คน ซึ่งได้ติดตามตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว 

และยังพบข้อมูลอีกว่า นอกจากที่รีสอร์ทดังกล่าวแล้ว ยังมีการนัดพบกันระหว่าง “ติวเตอร์” กับผู้สมัครสอบ ที่โรงแรมอีก 2 แห่ง ในตัวเมืองสงขลา ซึ่งตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดแล้ว

สำหรับการซื้อขายข้อสอบครั้งนี้ พบว่าการตกลงกันที่ 500,000 บาท โดยจ่ายมัดจำก่อน 300,000 บาท เป็นส่วนของการสอบข้อเขียน ถ้าสอบไม่ผ่านจะจ่ายเงินคืนให้ 100,000 บาท  หลังจากนั้นต้องจ่ายอีก 200,000 คน เป็นค่าสอบพละ และสอบสัมภาษณ์

เมื่อตกลงจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ทางนายหน้าและติวเตอร์ จะมอบเครื่องปริ้นส์เตอร์เล็กๆ ให้กับทุกคน และก่อนเข้าห้องสอบ 1 ชั่วโมง จะมีการส่งผลเฉลยข้อสอบไปให้ ซึ่งข้อสอบทั้งหมด มี 5 ชุด จะมีการให้รหัส เช่น ถ้าเป็นข้อสอบชุดที่ 1 ก็เป็น ก.ไก่ ชุดที่ 2 เป็น ข.ไข่ เป็นต้น  

ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบหลักฐานการโอนเงินจากผู้สมัครสอบ ให้กับกลุ่มนายหน้า และพบธุรกรรมทางการเงินในกลุ่มของ “ติวเตอร์” และเครือญาติ ร่วมทั้ง ร.ต.อ.หญิง สามี และน้องสาว เป็นเงินเกือบ 50 ล้านบาท

โดยมีการถอนเงินและปิดบัญชี ก่อนถึงวันสอบประมาณ 10 วัน แต่ก็ถือว่าเป็นหลักฐานการทำความผิดที่สมบูรณ์แล้ว

นอกจากนี้พบว่าไม่ได้มีการทุจริตเพียงสนามสอบย่อย ที่ จ.สงขลา แห่งเดียว แต่ยังพบที่สนามสอบศูนย์ฝึกอบรมก็มีการทุจริตด้วยเหมือนกัน

 หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาสอบปากคำ เพื่อออกหมายจับผู้ร่วมกันทำผิดทั้งหมด คดีนี้ในทางสืบสวน ได้พยานหลักฐานที่ครบถ้วน แต่เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และเข้าข่ายความผิดของ “อั้งยี่” ที่มีโทษร้ายแรง และผู้ต้องหากระจายอยู่ในหลายจังหวัด จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ.