ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าวกับพวก จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2566 และอัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้ว นั้น
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์หรือ ตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐาน
"ชูวิทย์" เชื่อ อสส.สั่งฟ้อง "ตู้ห่าว"ทันเวลา
สำนวนดคี "ตู้ห่าว" ถึงมืออัยการสูงสุดแล้ว ฟากเฮียชู ประกาศลั่นไม่ยอมแพ้แม้สู้ถึงฏีกา
1.สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โตยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำ ขององค์กรอาชญากรรม
2.ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
3.ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
4.สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
5. เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
6. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
7. ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
8.ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
9.ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
และในวันนี้ 19 ม.ค. 2566 เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้สำนักงานคดียาเสพติดสำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป