ย้อนกลับไปดูบริการ 7 ข้อในไทย ที่พีพีทีวีเคยนำเสนอไปเมื่อวานนี้ 23 ม.ค. 2566 ประกอบด้วย บริการทำเด็กหลอดแก้ว ตำรวจรับจากในสนามบินแบบวีไอพี การทำวีซ่าอีลิท บริการเปิดบัญชีธนาคาร ทำใบขับขี่ เช่ารถแบบรายวัน รายเดือน และเช่าเรือยอร์ช , วิลล่า , บอดี้การ์ด , ตำรวจนำขบวน
ทีมข่าวพีพีทีวีพูดคุยกับ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุบริการสุขภาพ ให้ข้อมูลว่า การทำเด็กหลอดแก้ว ถือเป็นเทคโนโลยีในการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
ดีอีเอส ยันปิดกั้นเว็บพนัน “มาเก๊า 888”แล้ว 7 URL ขอศาลปิดอีก 13 URL
ผบ.ทอ.สั่งสอบด่วน ปมกองบิน 7 เบิกค่าฝึกบินกลางคืน แต่ไม่ได้บินจริง
วิธีการคือจะนำไข่ของผู้หญิง และน้ำเชื้อของผู้ชาย มาผสมในหลอดแก้ว เมื่อเกิดเป็นตัวอ่อน ก็จะนำตัวอ่อนไปฝากไว้ในรังไข่ของผู้หญิงจนท้อง
ซึ่งวิธีการนี้มักจะนิยมใช้ในคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก โดยการทำเด็กหลอดแก้ว สำหรับคู่สามีภรรยาชาวต่างชาติ สามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการในคลินิกที่ได้รับอนุญาตถูกต้องที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ใช่การตั้งท้องแทน หรือ การอุ้มบุญ
แต่คู่สามีภรรยาต่างชาติ ที่จะมาใช้บริการทำเด็กหลอดแก้วในไทย นายแพทย์สุระ ระบุว่า จะต้องเป็นเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ภรรยาต้องเป็นผู้ผู้ตั้งท้องเอง ไม่สามารถให้คนอื่นตั้งท้องแทนได้ และเลือกเพศของลูกไม่ได้
โดยเหตุผลที่สามีภรรยาชาวต่างชาติ มักจะเลือกเข้ามาใช้บริการทำเด็กหลอดแก้วในไทย นพ.สุระ อธิบาย ว่า เพราะเดินทางไม่ไกล และแพทย์มีความเชี่ยวชาญ ทำให้โอกาสการทำเด็กหลอดแก้วสำเร็จสูงถึง 46 เปอร์เซนต์
ซึ่งราคาในการทำเด็กหลอดแก้วแต่ละครั้ง หากเป็นโรงพยาบาลเอกชน ราคาจะเริ่มต้นที่ครั้งละ 200,000 – 300,000 บาท และโรงพยาบาลรัฐราคาครั้งละ 100,000 บาท ส่วนสถานพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐ ที่มีการขออนุญาตให้บริการการทำเด็กหลอดแก้วในไทย ข้อมูลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตอนนี้มีทั้งหมด 107 แห่ง
ตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการใช้เทคโนโลยีในการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เมื่อปี 58 มีข้อมูลสถานพยาบาลทำเด็กหลอดแก้วไปแล้ว 12,000 ครั้ง และสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยพบสามีภรรยาชาวต่างชาติ ลักลอบทำเด็กหลอดแก้วผิดกฎหมายหรือไม่ นพ.สุระ บอกว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบตลอด และ ส่วนใหญ่การทำเด็กหลอดแก้ว มักไม่พบการลักลอบทำผิดกฎหมาย แต่ที่สำคัญคือ ต้องไปกำชับสถานพยาบาล ที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติของคู่สามีภรรยาชาวต่างชาติให้ละเอียด ว่า เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ก็จะมีการตรวจสถานพยาบาลว่า เปิดโดยได้รับอนุญาตหรือไม่