นางศิริพร อายุ 45 ปี ชาว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และชาวบ้านนับสิบคน เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เนื่องจากโดน นายวีระยุทธ หรือตั้ม อายุ 39 ปี แอบอ้างตัวเป็น “ปู่ฤาษีอุดร” หรือ “ฤาษีตั้ม” พูดกล่าวอ้างรู้จักคนใหญ่คนโตทั้งนายทหาร ข้าราชการ หลอกลวงเอาเงินนับแสนบาท รวมทั้งหลอกขายเข็มที่ระลึก อ้างเป็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หลอกรับเงินบริจาคกฐิน แต่สุดท้ายก็ไม่นำไปถวายวัด
“ชูวิทย์” เปิดตัวพยานถูกตำรวจไถเงิน เตรียมแถลงปมดาราไต้หวันบ่ายนี้
“นิวคาสเซิ่ล” ทะลุชิงลีกคัพ ครั้งแรกรอบ 47 ปี
โดย นางศิริพร เล่าว่า ตนรู้จักนายวีระยุทธ ที่พัทยาในฐานะปู่ฤาษีอุดร หรือฤาษีตั้ม มากว่า 10 ปี เมื่อปี 2563 สามีชาวเนเธอร์แลนด์เสียชีวิต และมีปัญหาเรื่องมรดก 4 แปลง เป็นที่ดิน 50-60 ไร่ที่สามีซื้อไว้เป็นชื่อตน ตนเล่าให้นายตั้มฟัง ก็มาอ้างว่ารู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ มีการนำรูปภาพที่ถ่ายคู่กับคนที่สวมชุดในเครื่องแบบมาให้ดู และอ้างว่าสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องมรดกได้ ทำคดีแค่ 3 เดือนจบ ได้โฉนดแน่นอน
ด้วยความเชื่อใจและอยากให้เรื่องมรดกจบโดยเร็ว เมื่อเดือน ส.ค. ปี 2563 จึงได้โอนเงินไปให้ภรรยาของฤาษีตั้ม 1.5 แสนบาท เป็นค่าดำเนินการ จากนั้นก็มีการขอเงินเพิ่มอีก จนรวมแล้วกว่า 3 แสนบาท พอสอบถามเรื่องที่ดินก็อ้างติดขัดหลายอย่าง จนสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้ นอกจากนี้ ยังหลอกเอาเงินกฐินวัดไปหลายแสน มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อหลายคน รวมเงินที่ตนโดนนายตั้ม หลอกลวงไปประมาณ 1 ล้านบาท พอแจ้งความไปตั้งแต่ปลายปี 2563 คดีกลับไม่มีความคืบหน้า
จากการตรวจสอบที่สำนักปู่ฤาษีอุดร คุ้มหนองเขื่อนฟ้า บ้านตาด หมู่ 14 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พบเป็นเป็นสำนักร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัย
สอบถาม นางวารณี แม่ของนายตั้ม เล่าว่า ตนไม่คิดว่าลูกจะมาเป็นฤาษี รู้แต่ว่าลูกชอบ และมาสร้างสำนักอยู่ ขณะเป็นฤาษีก็มีภรรยาและลูก แต่ภรรยาก็หนีไปทำงานต่างประเทศ ตัวเองไม่รู้เรื่องที่ไปหลอกเงินชาวต่างชาติ อยากให้ลูกมาคุยกับผู้เสียหาย ซึ่งทราบว่าลูกจะมาที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.ศรีธาตุ ในวันที่ 3 ก.พ. นี้
ด้าน พ.ต.ท.มนตรี แก้วปัญญา รอง ผกก.สอบสวน สภ.ศรีธาตุ เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้เสียหายมาสอบสวนปากคำ 2 ครั้ง แต่อ้างว่าติดภารกิจเกี่ยวกับคดีมรดก ซึ่งตำรวจจะได้เร่งรัดสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และจะออกหมายเรียกนายวีระยุทธ หรือฤาษีตั้ม มาพบพนักงานสอบสวน หากไม่มา 2 ครั้ง ก็จะดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับข้อหาฉ้อโกงต่อไป