จากกรณีที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ทำการเปิดตัว “ปลาเก๋าหยก” ซึ่งได้ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าลูกปลาจากประเทศจีน เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงที่ฟาร์มปลา ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ต่อมาได้มีการโฆษณาปลาชนิดดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลในสังคมว่า ปลาเก๋าหยก จะทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ
เปิดตัว “ปลาการ์ตูนโกลด์ครอสทันเดอร์” ซุ่มเพาะสายพันธุ์ใหม่สำเร็จ
เจาะการตลาดธุรกิจ "หม้อไฟจีน" พร้อมเคล็ดไม่ลับให้ผู้ประกอบการ
เนื่องจาก ปลาเก๋าหยกจัดเป็น 1 ในสัตว์น้ำต่างถิ่น 13 ชนิด ที่ห้ามเพาะเลี้ยงในประเทศไทย
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ
ซึ่งผู้จะทำการเพาะเลี้ยงต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมประมงมอบหมาย หากผู้ใดฝ่าฝืนตามมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระวางโทษตามมาตรา 144 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง นำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมา ทางบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้ทำการโฆษณาทำการตลาดจำหน่ายปลาเก๋าหยกในเชิงพาณิชย์ก่อนที่จะรายงานให้กรมประมงทราบ และได้ดำเนินการนอกเหนือจากกรอบโครงการวิจัยที่บริษัทเสนอต่อกรมประมงเพื่อขอรับอนุญาต
ขณะนี้กรมประมงจึงได้แจ้งให้บริษัทฯ ระงับการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวภายใน 3 วัน มิฉะนั้น กรมประมงจะดำเนินการพักใช้ใบอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดนี้ ซึ่งหมายความว่า บริษัทฯ จะไม่สามารถดำเนินการในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับปลาเก๋าหยกได้ต่อไป
กรมประมง ชี้แจง อนุญาตให้การศึกษาวิจัยเท่านั้น ห้ามเคลื่อนย้ายแบบมีชีวิต
สำหรับการอนุญาตของกรมประมงกับทางบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ได้ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าปลาเก๋าหยกเพื่อการศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงเมื่อปี 2561 ซึ่งหลังจากระยะทดลองได้มีการชำแหละปลาทั้งหมดเป็นเนื้อปลา เหลือเพียงพ่อแม่พันธุ์ จำนวน 40 คู่
ต่อมาบริษัทฯ ได้ขออนุญาตดำเนินการศึกษาวิจัยการเพาะพันธุ์ การเลี้ยง และการตลาดผลิตภัณฑ์ปลา Jade perch ในระบบปิดน้ำหมุนเวียนเชิงพาณิชย์ เมื่อเดือน เมษายน 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ ซึ่งกรมประมงได้อนุญาตให้ศึกษาวิจัยดังกล่าว โดยผ่านมติของคณะกรรมการด้านความหลากหลายและด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของกรมประมง (IBC) ซึ่งต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กรมประมงกำหนด คือเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น โดยบริษัทฯ ต้องดำเนินการในพื้นที่ที่กรมประมงอนุญาตเท่านั้น และห้ามเคลื่อนย้ายปลามีชีวิตออกจากบริเวณที่อนุญาตโดยเด็ดขาด
อนุญาตให้ขายเฉพาะ ซีพีเฟรชมาร์ท โลตัส แม็คโคร
ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการทดลองเพื่อศึกษาวิจัยด้านการตลาด กรมประมงอนุญาตให้จำหน่ายเป็นผลผลิตที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น เช่น ปลาแช่แข็ง และอนุญาตให้จำหน่ายในช่องทางของบริษัทในเครือตามที่บริษัทเสนอแผนการศึกษามาเท่านั้น เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท โลตัส แม็คโคร ทั้งนี้ การดำเนินการศึกษาวิจัยต้องรายงานให้กรมประมงรับทราบทุกขั้นตอน ตลอดจนต้องส่งผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์แก่กรมประมง
สำหรับ “ปลาเก๋าหยก” หรือ Jade perch มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scortum barcoo เป็นปลาน้ำจืด ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และมีการนำเข้ามาเพาะเลี้ยงเชิงเศรษฐกิจในประเทศจีนและมาเลเซีย แต่เป็น 1 ในสัตว์น้ำต่างถิ่น 13 ชนิด ที่ห้ามเพาะเลี้ยงในประเทศไทย อย่างที่กล่าวไป