ความคืบหน้าจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาแชร์ภาพที่เด็กหญิงในสถานสงเคราะห์ ถูกมัดมือ เท้า และปิดปาก อยู่ในห้องน้ำ รวมถึงมีภาพเด็ก 3-4 คน ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นห้องน้ำ พร้อมระบุข้อความเกี่ยวกับพฤติกรรมการลงโทษเด็กๆ ที่เป็นการทารุณกรรม และทำร้ายร่างกายเด็ก ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสระบุรี พร้อมตำรวจ สภ.พระพุทธบาท ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานสงเคราะห์ดังกล่าว
โดยพลตำรวจตรีวิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพได้สอบปากคำเด็กทั้ง 9 คนที่ถูกทำร้าย ส่วนเด็กคนอื่นๆ ตำรวจอยู่ระหว่างสอบขยายผลว่ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกหรือไม่ ขณะที่ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยง ได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง และเสียใจที่ทำกับเด็ก เบื้องต้นพบข้อมูลว่าครูพี่เลี้ยงรายดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่อัตราจ้างเหมา ซึ่งอยู่มานานเกิน 12 ปี
เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาผิด ซึ่งจะต้องตรวจสอบดูว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กหรือไม่ เบื้องต้นน่าจะผิดในมาตรา 309 ซึ่งผู้ก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน
ด้าน นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ระบุว่า หลังจากนี้จะดำเนินการสอบพี่เลี้ยง และเด็กทุกคน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง คาดว่าน่าจะเสร็จภายในเดือน มิ.ย. นี้ โดยต่อจากนี้จะยกเครื่องทุกมิติ ทั้งการบริการจัดการเด็ก และคุณภาพสถานสงเคราะห์ว่า ได้มาตรฐานหรือไม่ รวมทั้งฟื้นฟูจิตใจเด็กที่อยู่ในนั้นด้วย
เจออีก 1 อดีตเด็กสถานสงเคราะห์ฯ ถูกพี่เลี้ยงทำร้าย หนักสุดถูกกระทืบ
เปิดคำสั่ง จ.สมุทรสงคราม เพิกถอนใบอนุญาตตั้งสถานสงเคราะห์ “ครูยุ่น” แล้ว
ขณะที่ เฟซบุ๊ก 'UNICEF Thailand' ได้โพสต์เรียกร้องให้รัฐบาลได้มีมีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการกำกับดูแลสถานรองรับเด็กทุกแห่งทั่วประเทศ โดยได้ระบุข้อความว่า "ข่าวการทารุณกรรมเด็กในสถานสงเคราะห์ครั้งล่าสุดที่จังหวัดสระบุรี เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เหตุการณ์ทำนองนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เด็กถูกทำร้าย ถูกทอดทิ้ง และถูกลืม เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย"
โดยยูนิเซฟขอเรียกร้องให้ สถานรองรับเป็นทางเลือกสุดท้ายในการดูแลเด็ก , มุ่งเน้นให้เด็กได้อยู่ภายใต้การดูแลแบบครอบครัว ที่มีหลักฐานสนับสนุนว่าจะทำให้เด็กมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ,มีการประสานงานกันระหว่างองค์กรภาครัฐ เพื่อให้มีการกำกับดูแลสถานรองรับประเภทต่าง ๆ และรัฐต้องจัดให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการกำกับดูแลสถานรองรับเด็กทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐและเอกชน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ มีความปลอดภัย