นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เผยถึงต้นตอของการรีดเก็บส่วยของตำรวจ ไม่ใช่เฉพาะแค่ส่วยรถบรรทุก แต่ยังหมายรวมไปถึงส่วยลอตเตอรี่ ,บ่อน ,ยาเสพติด,การค้ามนุษย์ มีจุดมุ่งหมายเดียวคือ เงิน ที่จะนำมาใช้ซื้อขายตั๋วช้าง เพื่อเป็นบันไดในการได้เติบโตในหน้าที่การงาน
นายรังสิมันต์ เชื่อว่า ไม่มีตำรวจคนไหนอยากทำผิดกฎหมาย แต่เป็นเพราะระบบที่ทำให้ตำรวจเหล่านี้ต้องการเงินจำนวนที่มาก ไม่ใช่หลักร้อยหลักพัน
ผบ.ตร. ยอมรับมี “ส่วยสติกเกอร์”จริง สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจตรวจลุยสอบ
แฉ! วิวัฒนาการ 36 ปี “ส่วยทางหลวง”
ส่วนแรกคือ ตำรวจชั้นผู้น้อย ที่เงินเดือนรายได้ไม่สูงมาก การเติบโตก็เป็นได้ยาก ซึ่งในกลุ่มนี้หากรายได้ไม่เพียงพอ อาจมีผู้บังคับบัญชาที่หารายได้จากช่องทางอื่นมาสนับสนุน หรือถ้าหากผู้บังคับบัญชา มีไม่มากพอ ก็ต้องยอมให้เปิดลูกน้องไปเก็บส่วย ซึ่งวิธีการแบบนี้เรียกว่า “การรีดไถแบบเป็นระบบ”
โดย “การรีดไถแบบเป็นระบบ” นี้ นายรังสิมันต์ ระบุว่า วงจรนี้เริ่มตั้งแต่ตำรวจระดับชั้นประทวน ส่งต่อไปเป็นขั้นๆ ที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตร ผู้หมวด สารวัตร ผู้กำกับการ ตำรวจยศผู้กำกับการ ถือเป็นคีย์แมนสำคัญ ซึ่งนอกจากเป็นตำรวจที่คุมในพื้นที่ รู้แหล่งธุรกิจที่เรียกส่วยได้แล้ว ยังเป็นคนที่ทำงานในการส่งเงินจากพื้นที่ ไปถึงระดับผู้การ ผู้บัญชาการ หรือคนที่ระดับสูงกว่านั้น รวมถึงนักการเมือง และผู้มีอิทธิพลในสังคม
แน่นอนว่า เหตุผลความจำเป็นที่ตำรวจต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ หากไม่ได้มีปัญหาเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ หรือสวัสดิการแบบตำรวจชั้นผู้น้อย ก็เป็นเพราะตำรวจระดับสูงนั้นต้องการการเติบโต ในหน้าที่การงาน ซึ่งถ้าหากหาเงินไม่เก่ง ส่งเงินไม่ได้ ก็หมายถึงหน้าที่การงานไม่เติบโต เพราะต้องยอมรับว่า ผู้บังคับบัญชาก็ต้องการอยากได้คนที่หาเงินเก่ง และส่งต่อเงินขึ้นไปขั้นๆ ซึ่งเมื่อส่งเงินไม่ได้ ก็จะต้องมีเงินที่มากพอ เพื่อจะได้ซื้อตำแหน่ง หรือที่เรียกว่า “การซื้อขายตั๋วช้าง”
ส่วนมูลค่าของส่วนสติกเกอร์รถบรรทุก หมุนเวียนในการตลาดการซื้อขายตั๋วช้างมากน้อยขนาดไหน นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า ยังไม่มีข้อมูล แต่เท่าที่มีตอนนี้คือ ราคาตำแหน่งที่มีการซื้อขายกัน ซึ่งราคาซื้อขายบางตำแหน่งอยู่ที่ 5 ล้านบาท และบางข้อมูลที่ได้รับมา หากเป็นตำแหน่งระดับสูงราคาซื้อขายอยู่ที่ 50 ล้านบาท ก็สามารถตั้งคำถามได้ว่า แล้วเงินเดือนตำรวจเพียงพอหรือไม่ที่จะนำมาซื้อตั๋วช้าง เพราะฉะนั้นวิธีการที่เร็วที่สุด คือ การต้องไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย