กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเริ่มมีฝนตกในหลายพื้นที่ จากนั้นก็ได้ออกประกาศเตือน "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน" รวม 24 ฉบับจนถึงวันที่ 11 มิ.ย.
ประกาศของกรมอุตุฯในแต่ละฉบับ มาพร้อมกับคำเตือนให้ระวัง "น้ำท่วมฉับพลัน"ในหลายพื้นที่ แต่ในช่วงเวลานับตั้งแต่มีการประกาศ ไม่ปรากฏให้เห็นว่ามีพื้นที่ใดฝนตกหนัก เหมือนที่ได้พยากรณ์อากาศไว้ในแต่ละวัน
กรมอุตุฯ พยากรณ์ฝนสะสม 10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 13-22 มิ.ย.
อุตุฯคาดการณ์ฝนมีแนวโน้มลดลง จะกลับมาตกเพิ่มขึ้นหลังกลางก.ค.
แม้ว่ากรมอุตุฯจะประกาศเตือนฝนตก-น้ำท่วม แต่สถานการณ์จริงพบว่ามีฝนตกไม่มากนัก และสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด คือ ปริมาณน้ำฝนไหลเข้าเขื่อนในแต่ละวัน
ยกตัวอย่าง เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. กรมอุตุฯ "พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก"
ต่อมาในวันที่ 14 มิ.ย. กรมอุตุฯ "พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก"
จากพยากรณ์อากาศของกรมอุตุฯ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า "ฝนตกที่ไหน" "มีฝนจริงหรือไม่" เพราะเมื่อดูข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศก้ไม่ปรากฏว่ามีน้ำไหลเข้าจากฝนตกหนัก
ฝ่ายประมวลและวิเคราะห์สถานการณน้ำ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนวันที่ 14 มิ.ย. พบว่าแทบไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนหลัก ๆ
กรมชลประทาน รายงานว่าสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่และขนาดกลาง ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 39,715 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 52% (ปริมาตรน้ําใช้การได้ 15,776 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 30%) ปริมาตรน้ำในอ่างฯ เทียบกับปี 2565 (42,477 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 56%) น้อยกว่าปี 2565 จํานวน 2,762 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 44.70 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 106.83 ล้านลบ.ม. สามารถรับน้ําได้อีก 36,622 ล้าน ลบ.ม.
ความผิดปกติในการพยากรณ์อากาศ ไม่ได้หมายความว่าการพยากรณ์อากาสของกรมอุตุฯไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เกิดจากปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" ที่เริ่มรุนแรงขึ้น
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ก่อนหน้านี้ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO - WORLD METEOROLOGICAL ORGANIZATION) เตือนว่าให้เตรียมรับสถานการณ์จาก "เอลนีโญ" โดยปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ครั้งล่าสุด ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. 2563 จนทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติ 3 ปี ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
หลังจากปรากฏการณ์ลานีญา ได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างเป็นทางการ จะตามมาด้วยสภาพภูมิอากาศแบบขั้วตรงข้าม คือปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีความรุนแรงกว่าในอดีต โดยมีโอกาสจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ถึงกว่า 50%
จากปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" ทำให้การเตือนของกรมอุตุฯไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนัก เมื่อมีการเตือนให้ระวังฝนตกหนัก แต่หลายฟื้นที่มีแต่ "เมฆ" แต่ไม่มีฝนตกลงมา ดังจะเห็นได้จากปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก ทำให้ในปีนี้ประเทศไทยเสี่ยงในการเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้งอีกครั้ง