วันนี้ทีมข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่สำรวจตลาดในพื้นที่เทศบาลตำบลเทพารักษ์ พบว่า ยังคงมีพ่อค้า-แม่ค้าแผงลอย และรถขายอาหารพ่วงข้างจอดขายของบนทางเท้าอยู่ จึงสอบถามว่า ตอนนี้ยังมีการเรียกเก็บเงินค่าที่ขายของอยู่หรือไม่ ซึ่งต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังจากมีข่าวเรื่องการเก็บส่วย ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนแล้ว ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเรียกเก็บเงินอีก ส่วนเรื่องการจัดระเบียบทางเท้า พ่อค้า-แม่ค้า บอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาอธิบายให้ชัดเจนว่าสามารถขายของได้แล้วหรือไม่
แฉกลโกงเงินอุทยานฯ ไขปริศนา 5 ล้านบาทในห้องทำงานอธิบดี
จับฟู้ดทรัค-แผงลอย ขายช่อดอกกัญชาผิด กม. ศาลสั่งปรับให้รอลงอาญา 2 ปี
ช่วงแรกจึงตัดสินใจหยุดร้านไปก่อน แต่พอหยุดไปก็ขาดรายได้ จึงต้องออกมาตั้งร้านขายของตามเดิมก่อน ส่วนเรื่องขบวนการส่วยเทศกิจเทศบาล ขอพาย้อนไปไล่เรียงตัวละครในขบวนการนี้ เริ่มต้นจากช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสาธิต หนึ่งในเทศกิจเทศบาลตำบลเทพารักษ์ นำคลิปวิดีโอและคลิปเสียงการเรียกเก็บเงิน พ่อค้า-แม่ค้าแผงลอยในพื้นที่ ส่งให้สื่อตรวจสอบโดยให้ข้อมูลว่า มีผู้ที่สั่งการใหญ่สุดคือ “หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลเทพารักษ์” สั่งให้ลูกน้อง หนึ่งในนั้น เป็นเทศกิจชื่อว่า “ฐิติวัฒน์” ไปเจรจาเรียกเก็บค่าที่ กับพ่อค้า-แม่ค้าหาบเร่แผงลอย รถอาหารมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง ร้านค้าริมทางเท้า
ทีมข่าวย้อนกลับไปคุยกับ นายสาธิต ผู้ที่ออกมาเปิดข้อมูล ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจที่อยู่ในขบวนการนี้ บอกว่า ขณะนี้ผ่านมา 2 เดือนแล้ว การตรวจสอบของเทศบาลยังไม่มีผลออกมาชัดเจนและยังมีการขอยืดระยะเวลาตรวจสอบเพิ่มเป็นรอบที่ 3 ขณะที่หัวหน้าฝ่ายบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย ที่เป็นคนสั่งการ กลับขอย้ายไปทำงานที่เทศบาลฯ อื่น ซึ่งตอนนี้ได้รับการเซ็นอนุมัติแล้ว
ส่วนตัวนายสาธิต มองว่า หลักฐานจากคลิปวิดีโอชัดเจนว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จริง มีพฤติกรรมที่ส่อผิดวินัย แต่เทศบาลกลับประวิงเวลาสอบข้อเท็จจริง จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีการช่วยเหลือกันภายในหรือไม่ ซึ่งหากหลังจากนี้ทางเทศบาลยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการสอบวินัยผู้ถูกร้องเรียน ก็จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. สอบคณะกรรมการชุดนี้ด้วยว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามความผิดฐาน ม.157 หรือไม่
ทีมข่าวไปที่เทศบาลตำบลเทพารักษ์ สอบถาม นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ และนางสาวปารณีย์ นาคคำ ปลัดเทศบาลตำบลเทพารักษ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูลเพียงว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ปลัดเทศบาลฯ บอกคำนี้ว่า “การสอบข้อเท็จจริงไม่ได้มีกรอบเวลากำหนดว่าจะต้องตรวจสอบแล้วเสร็จเมื่อไหร่ บางเรื่องก็มีการตรวจสอบกันเป็นปี” เรื่องการเรียกรับส่วย แม้จะมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน แต่ผู้ที่อยู่ในคลิปวิดีโอทั้งหมดมีจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลา คณะกรรมการจึงขอขยายเวลาตรวจสอบเพิ่มอีก 30 วัน
ส่วนข้อสงสัยที่หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ที่ถูกร้องเรียน ย้ายไปทำงานเทศบาลอื่นได้ นั้นเนื่องจากช่วงที่ถูกตรวจสอบ หัวหน้าฝ่ายฯ ถูกสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างตรวจสอบ
ปรากฏว่าระหว่างนี้ เทศบาลแพรกษาใหม่ มีตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่างอยู่ ผู้ถูกร้องเรียน จึงทำเรื่องขอย้ายซึ่งสามารถทำได้ เพราะว่าตอนนี้หัวหน้าฝ่ายฯ ก็ยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้มีความผิดใด ๆ
ยืนยันไม่ได้มีการช่วยเหลือภายใน ระหว่างนี้ก็ยังสามารถเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมได้ตลอด และหากพบว่ามีความผิดจริง ก็มีโทษทางวินัยร้ายแรง ซึ่งการทุจริตมีโทษหนักถึงขั้นไล่ออก