นางแคล้ว อายุ 85 ปี พร้อมด้วย นางปาลิตา อายุ 59 ปี หลานสะใภ้ ซึ่งอาศัยอยู่ใน ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังถูกเพื่อนบ้าน หลอกให้ย้ายเงินในบัญชีธนาคาร ก่อนยึดสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินกว่า 5,500,000 บาท จนหมดบัญชี
ใจสลาย! แม่เคาะโลง ขอวิญญาณลูกไม่ต้องห่วง
ขสมก.ยุติให้บริการรถเมล์ 5 เส้นทาง
นางแคล้ว อายุ 85 ปี เล่าว่า ถูกเพื่อนบ้านตีสนิทหลอกให้ย้ายสมุดฝากจากธนาคารแห่งหนึ่งที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ไปยังธนาคารเดียวกันแต่อยู่ในอำเภอพระพุทธบาท
โดยมีเงินในบัญชีเก่าอยู่ 500,000 บาท และช่วงที่ย้ายสมุดบัญชีนั้นได้นำเงินไปฝากเพิ่มอีก 5,000,000 บาทเนื่องจากขายที่ดินได้
ก่อนจะถูกเพื่อนบ้านรายนี้กดเงินไปจนเกลี้ยงบัญชี และเมื่อแจ้งความดำเนินคดีเพื่อนบ้านก็ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำสระบุรี เพียง 45 วัน ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา แถมยังออกมาขู่ว่า หากนำเรื่องนี้ไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย และหากใครมาถาม ให้บอกว่านำเงินไปฝังดินไว้ ทำให้ทุกวันนี้เครียดมาก
ด้าน นางปาลิตา เล่าว่า ตนเองมารู้เรื่องราวนี้ เมื่อมาขอยืมเงินยายแคล้วจำนวน 10,000 บาท แต่ยายแคล้วบอกว่าเอาเงินที่ขายที่ดินได้ไปฝากที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอพระพุทธบาทหมดแล้ว ก่อนยายแคล้วจะชวนตนเองไปเบิกเงินที่ธนาคารโดยใช้บัตรประชาชนเบิก เนื่องจากสมุดบัญชีและเอทีเอ็มถูกเพื่อนบ้านเอาไปไม่ยอมคืนให้ จนเมื่อทำเรื่องเบิกเงินถึงรู้ว่าเงินในบัญชีหายหมดเกลี้ยงบัญชี ประมาณ 5,500,000 บาท
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าเงินในบัญชีถูกถอนไปตั้งแต่วันที่ยายแคล้วนำเอาเงินมาฝากตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 ปีที่แล้ว โดยใช้บัตรเอทีเอ็มกดเงินทั้งหมดจำนวน 284 ครั้ง จึงพายายแคล้วไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาท เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา
ด้านพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาท ได้สอบปากคำยายแคล้วแล้วส่งเรื่องไปยังศาลจังหวัดสระบุรี ต่อมาจนอัยการโทรมาหาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาทให้สอบปากคำใหม่ เพราะสำนวนที่พนักงานงานสอบสวนส่งไปอ่อน จนพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำยายแคล้วใหม่และส่งเรื่องต่อศาลจังหวัดสระบุรีไม่ทัน ทำให้เพื่อนบ้านถูกจำคุกเพียง 45 วัน ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาแถมยังขู่ยายแคล้วว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย
มาต่อกันที่กรุงเทพมหานคร มีนางซ่อนกลิ่น อายุ 84 ปี ข้าราชการเกษียณ นำหลักฐานเป็นแช็ตไลน์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจและหลอกว่า ตนเองนั้นมีเอกสารรั่วไหล ซึ่งอาจจะทำให้มีคนร้ายแอบไปเบิกเงินในบัญชีที่มีอยู่ได้ ก่อนจะหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ
โดย นางซ่อนกลิ่น เล่าว่า ตนเองพักอาศัยอยู่กับสามีซึ่งเป็นข้าราชเกษียณ อายุ 83 ปี ที่ป่วยติดเตียง ปกติจะมีบัญชีธนาคารอยู่ 2 เล่ม ธนาคารหนึ่ง เป็นเงินเก็บ ส่วนอีกธนาคาร เป็นบัญชีที่ไว้รับโอนเงินบำนาญ ซึ่งตนเองเองจะเป็นคนที่ถือบัญชีทั้งหมดไว้ เพื่อเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ก่อนจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้าง เป็นตำรวจโทรมาแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายที่จังหวัดภูเก็ตและขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการโอนเงินไปตรวจสอบ และส่งต่อไปให้ เจ้าหน้าที่ ปปง.
จึงโอนเงินไปทั้งหมด 20 ครั้ง จำนวน 13 บัญชี เป็นเงิน 2,600,000 บาท จึงมาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผู้เสียหายเล่าว่า "เขาก็บอกว่า เอกสารของคุณยายน่าจะมีปัญหา ทำให้เงินคุณยายรั่วไหล เอาแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินคุณยายสูญหายให้คุณยายถอนมาฝากไว้ที่ตำรวจก่อน แล้วก็ไม่ต้องฝากคนเดียว ฝากหลายๆ คนก็ได้ เพื่อความสบายใจของคุณยาย"
หลังเกิดเหตุ คุณยายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ หลังจากนี้ ก็รอให้ สน.ทุ่งมหาเมฆ ส่งคดีไปให้กับตำรวจไซเบอร์ ไล่สืบสวนนำตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้มาดำเนินคดี