สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนดำเนินเข้าสู่วันที่ 611 แล้ว ขณะที่สมรภูมิรบล่าสุดถูกจับตามองไปที่เมืองอัฟดีฟกา ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกยูเครน ล่าสุดพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีการสู้รบอย่างดุเดือด
โดยสำนักข่าว The Kyiv Independent รายงานเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยว่า ผลพวงจากความพยายามของรัสเซียในการเข้ายึดครองเมืองอัฟดีฟกา (Avdiivka) ระหว่างเปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว พบรัสเซียได้สูญเสียทหารกองพลน้อยไปอย่างน้อยหนึ่งกองพล
สหรัฐฯ เผยรัสเซียสูญเสียหนักในปฏิบัติการโจมตีที่อัฟดีฟกา
สหรัฐฯ แฉ รัสเซียประหารชีวิตทหารที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
รัสเซียซ้อมใหญ่ จำลองการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์
ตามข้อมูลของแหล่งข่าวเปิดระบุว่า กองพลน้อยในกองทัพรัสเซียประกอบด้วยพลทหารระหว่าง 2,000 ถึง 8,000 นาย ซึ่งหมายความว่า จากการบุกโจมตีของรัสเซียในเมืองดังกล่าว อาจทำให้รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปแล้วหลายพันคน สอดคล้องกับการแถลงการณ์โอเลกซานเดอร์ ชตูปุน โฆษกประจำกองบัญชาการกองทัพยูเครนภาคใต้ ที่ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กองกำลังรัสเซียมีทหารบาดเจ็บล้อมตายมากกว่า 400 นายต่อวัน นับตั้งแต่เปิดฉากโจมตีในเมืองดังกล่าว
ทั้งนี้ประธานาธิบดีเซนเลนสกีเปิดเผยกับนายกรัฐมนตี ริชี ซูนัค ของอังกฤษด้วยว่า เวลานี้รัสเซียกำลังจะพยายามยึดครองภูมิภาคดอนบาสทั้งหมดต่อไป และหลายครั้งก็พยายามปิดล้อมเมืองอัฟดีฟกา แต่ว่าทหารยูเครนได้สกัด และผลักดันทหารรัสเซียออกไปได้
รัสเซียระดมโจมตีเมืองอัฟดีฟกาอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว และมีรายงานว่านับวันรัสเซียได้ระดมกำลังพลจำนวนมากเพื่อปิดล้อมเมืองดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์มองว่า การปิดล้อม และเปิดแนวรบในเมืองอัฟดีฟกาของรัสเซียมีขึ้น เพราะรัสเซียต้องการยึดบริเวณที่สูงเพื่อใช้ในการโจมตีปั่นป่วนเส้นทางลำเลียงอาวุธของยูเครน
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการนี้ของรัสเซีย ทำให้ฝ่ายรัสเซียสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก และเกิดกระแสข่าวความออกมากว่า ทหารรัสเซียจำนวนหนึ่งเริ่มปฏิเสธที่จะโจมตีฐานที่มั่นของยูเครนบริเวณใกล้เมืองดังกล่าว
ขณะที่ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า รัสเซียได้สังหารทหารของตนเองที่ปฏิเสธปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพรัสเซีย นอกจากนี้ยังแถลงด้วยว่า รัสเซียได้สูญเสียอย่างหนักจากปฏิบัติการโจมตีในเมืองอัฟดีฟกา
ส่วนเมื่อวานนี้การประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ในประเทศเบลเยียม ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงจุดยืนของสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครนได้สิ้นสุดลงแล้ว
โดยเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงว่า ได้มีการเสนอให้ชาติสมาชิก 27 ประเทศ จัดสรรเงินทุนให้กับยูเครนเพิ่มเติมจนถึงปีงบประมาณ 2027 รวมถึงการขยายวงเงินความช่วยเหลือครั้งใหม่ให้กับยูเครนอีก 50,000 ล้านยูโร
นอกจากนี้กำลังดำเนินการตามข้อเสนอที่ว่ารวบรวมกำไรบางส่วนจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกแช่แข็งไปช่วยเหลือยูเครน และบูรณะยูเครน หลังสงคราม
อย่างไรก็ตามในนอกรอบการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป วิกตอร์ ออร์บาน (Viktor Orbán) นายกรัฐมนตรีของฮังการี ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2010 และมีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับรัสเซีย ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครน เนื่องจากตัวเขาเองไม่เห็นด้วยที่ฮังการีจะต้องส่งเงินของผู้เสียภาษีเพื่อไปสนับสนุนยูเครนในสงคราม
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีออร์บาน ระบุว่า กลยุทธ์ของสหภาพยุโรปในยูเครนนั้นล้มเหลว และอยากให้เตรียมแผนสองเอาไว้ เพราะยูเครนจะไม่มีวันชนะในสงครามครั้งนี้
“วันนี้ใครๆก็ทราบ แต่ไม่กล้าออกมาพูดดังๆว่า กลยุทธ์นี้ล้มเหลว เห็นได้ชัดว่า วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล ยูเครนจะไม่ได้รับชัยชนะในการรบแนวหน้า ผู้เชี่ยวชาญทางทหารทุกคนก็พูดแบบนี้ แต่มีแค่นักการเมืองที่ไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน”นายกรัฐมนตรีออร์บานระบุ
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อปี 2020 สหภาพยุโรปได้มอบความช่วยเหลือให้กับยูเครนโดยรวมไปแล้วเกือบ 83,000 ล้านยูโร ซึ่งนอกเหนือจากการส่งความช่วยเหลือด้านการเงิน และอาวุธยุโธปรณ์ให้กับยูเครนแล้ว สหภาพยุโรปยังบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียอีกหลายรอบ