ว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความของเสี่ยแป้ง เปิดเผยข้อมูลอีกมุมของคดีที่เสี่ยแป้งถูกฟ้องในปี 62 ซึ่งเขามารับช่วงเป็นทนายความในปี 2565 ว่า เรื่องราววันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ที่เสี่ยแป้งเล่าในคลิปว่าถูกหลอกให้ไปชิงตัวประกันนั้น เหมือนหนังคนละม้วนกับตอนที่เขาทำคดี ซึ่งเขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ในภายหลัง เพราะตอนทำคดีเสี่ยแป้งไม่เคยพูดรายละเอียดตรงนี้เลย
“เสี่ยแป้ง” เตรียมร่อนหนังสือถึงรัฐบาลขอความเป็นธรรม-รื้อคดี
เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนของ“เสี่ยแป้ง” ให้รองนายกฯ
ค้นบ้าน “เสี่ยแป้ง” อีกรอบไม่พบผู้ต้องหา-สิ่งผิดกฎหมาย
และในคำฟ้องที่พนักงานอัยการยื่นต่อศาลจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ไม่มีการระบุรายละเอียดว่ามีตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดอยู่ด้วยในเหตุการณ์และมีการชิงตัวประกันเกิดขึ้น ไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และไม่ได้ระบุถึงกรณีที่มีตำรวจถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บด้วย แต่ในคำฟ้องระบุเพียงว่าเสี่ยแป้งและพวกรวมประมาณ 20 คน ร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย 4 คน โดยเสี่ยแป้งได้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แฟลชไดฟ์ ฯลฯ ไปเท่านั้น
โดย ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บอกว่า ตอนที่เห็นคำฟ้อง เขารู้สึกแปลกใจหลายจุด ทั้งเรื่องที่มีการระบุจำนวนผู้ร่วมก่อเหตุประมาณ 20 คน แต่สั่งฟ้องเสี่ยแป้งเพียงคนเดียว รวมถึงชื่อของผู้เสียหาย 3 ใน 4 คน มียศตำรวจ แต่กลับไม่มีข้อหาใดที่เป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานเลย ซึ่งสื่อว่าเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่
โดยข้อมูลที่บ่งบอกว่านอกจากการปล้นทรัพย์ในวันดังกล่าวแล้ว ยังมีการชิงตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดและมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิง เพิ่งปรากฎในชั้นสืบพยาน โดยมีการระบุรายละเอียดในคำพิพากษาศาลจังหวัดพัทลุง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเขามองว่า ขัดแย้งกับคำฟ้องในตอนแรก ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียดพวกนี้เลย ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน เหตุใดจึงขาดรายละเอียดส่วนนี้ในคำฟ้อง
ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ เล่าต่อว่า ในการต่อสู้คดีครั้งนั้น เขาไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการชิงตัวประกัน จึงต่อสู้ไปตามสำนวนฟ้อง โดยขณะนั้นเสี่ยแป้งต่อสู้คดีว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ปล้นทรัพย์ด้วยซ้ำ และไม่มีเหตุจูงใจในการปล้นทรัพย์เพราะตัวเสี่ยแป้งก็มีฐานะอยู่แล้ว รวมถึงไม่มีหลักฐานเป็นภาพชัดว่าตัวเสี่ยแป้งอยู่ในที่เกิดเหตุ มีเพียงพยานบุคคลยืนยัน และข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งศาลเชื่อว่าเป็นเครื่องที่เสี่ยแป้งใช้ อยู่บริเวณที่เกิดเหตุในเวลาใกล้กับที่เกิดเหตุการณ์
ซึ่งสุดท้ายการต่อสู้คดีทำให้โทษ “ปล้นทรัพย์” เหลือเพียง “ลักทรัพย์” แต่เมื่อรวมกับความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ รวมกับเป็นความผิดหลายกรรม สุดท้ายจึงมีการตัดสินโทษรวม 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ ในฐานะทนายความของเสี่ยแป้ง มองว่าทางที่ดีที่สุดคือกลับมามอบตัวต่อสู้คดีตามกระบวนการ เพราะมีโอกาสที่จะต่อสู้จนเหลือติดคุกไม่กี่ปีในคดีใหม่ ส่วนคดีเก่าก็ยังมีโอกาสที่จะอุทธรณ์จนศาลยกฟ้องได้
เป็นความเห็นของ ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความของเสี่ยแป้ง มองว่า คดีเรื่องการหลบหนีการคุมขังที่เสี่ยแป้งจะต้องเจอเพิ่มหากเข้ามอบตัวกับตำรวจ จะถูกจำคุกเพิ่มอย่างมากที่สุด 5 ปี หากหลบหนีโดยมีขบวนการช่วยเหลือ 3 คนขึ้นไป ซึ่งหากเสี่ยแป้งรับสารภาพเป็นเหตุให้ลดโทษกึ่งหนึ่งได้ เท่ากับจะต้องติดคุกเพิ่มเพียง 2 ปี 6 เดือนเท่านั้น จากคดีเก่าที่ถูกตัดสินโทษจำคุก 20 ปีก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าการเข้ามอบตัวและต่อสู้คดีตามกระบวนการ เป็นทางออกที่ดีที่สุดของเสี่ยแป้งในตอนนี้ เพราะหากหลบหนีต่อไปและเจ้าหน้าที่ไปเจอ ก็จะเสี่ยงเกิดการปะทะและเป็นอันตรายต่อชีวิต
ส่วนคดีเก่าที่เจอโทษ 20 ปีนั้น ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ มองว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ยังสามารถอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไปได้ โดยมองว่ายังมีโอกาสที่ศาลจะยกฟ้องในชั้นต่อๆ ไป เพราะเสี่ยแป้งไม่ได้มีเจตนาไปปล้นทรัพย์แต่แรก แต่จากที่ออกมาเปิดใจ คือทำไปด้วยเจตนาช่วยเหลือคนที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งหากสุดท้ายมีการยกฟ้องในคดีนี้ เท่ากับเสี่ยแป้งจะเจอโทษจำคุกจริงๆ คือ 2 ปี 6 เดือน จากคดีใหม่ที่หลบหนีออกมา
ซึ่งการต่อสู้คดีหลังจากนี้ ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บอกว่า จะต่อสู้เรื่องเจตนาเป็นหลัก โดยทางเสี่ยแป้งเองได้ติดต่อมาผ่านนักข่าวในพื้นที่ที่ใกล้ชิดแล้ว ให้ตนเองช่วยติดตามเรื่องที่ร้องเรียนไป ช่วยให้มีการรื้อฟื้นคดี ทวงคืนความยุติธรรมในคดี และให้คำรับรองเรื่องความปลอดภัยเมื่อเสี่ยแป้งพร้อมมอบตัว โดยตอนนี้ตนเองก็ยังอยู่ในฐานะทนายความของเสี่ยแป้ง และทราบจากญาติว่ายังไว้วางใจให้ตนเองช่วยเรื่องคดี ซึ่งส่วนตัวก็ยังยินดีทำคดีต่อในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
กางปฏิทินโอน "เงินช่วยชาวนา" ไร่ละ 1,000 บาท เริ่มเข้าบัญชีแล้ว
ครม.เตรียมพิจารณาขึ้นเงินเดือนราชการ แย้มอาจไม่ใช่การปรับขึ้นทั้งระบบ