วันที่ 18 กุมภาพัน ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. คณะเดินทางมาให้กำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครอง และตำรวจ ในการปราบปรามยาเสพติด โดยมีนายณัฐพงศ์ คำวงศ์ปิน รอง ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.สรรธาน อินทร์จักร ผบก.ภ.จว.อุดรธานี นำหัวหน้าสถานีตำรวจ 23 สถานีในพื้นที่ ขณะที่มี ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย 5 คนนำโดยนางเทียบจุฑา ขาวขำ ร่วมประชุมสังเกตุการณ์ด้วย
“เรวัช” ซัดกฎกระทรวงยาบ้า 5 เม็ด แก้ปัญหาไม่ได้-จี้ประกาศวาระแห่งชาติ
หนุ่มฉลองเสพยาบ้า 3 วันติดจนคลั่ง อ้างดีใจรัฐให้ครอบครอง 5 เม็ดไม่ผิดกม.
จับยายพิการวัย 78 ปี เข็นวีลแชร์ ขายยาบ้าให้วัยรุ่น!
โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ที่รัฐบาลมีนโยบายจะจัดการภายใน 1 ปี ทุกฝ่ายยอมรับว่าต้องแก้ระดับครอบครัว จากที่เราแก้ประมวลยาเสพติดเมื่อปี 2564 ผู้เสพสมัครใจรับการบำบัด หากไม่สมัครใจก็เข้ากระบวนการยุติธรรม ตรงนี้เป็นช่องว่างสำคัญ เพราะผู้เสพไม่สมัครใจบำบัด เมื่อถูกจับก็ส่งฟ้องอัยการ ฟ้องศาล ศาลสั่งให้คุมประพฤษ แต่คุมประพฤษไม่มีห้องขัง ก็ปล่อยตัวให้กลับบ้าน คนที่ถูกด่าก็คือตำรวจ ทั้งที่ทำสุดกระบวนการแล้ว
“ข้อมูลล่าสุดพบว่าอีสานตอนบน มีความรุนแรงยาเสพติดมากที่สุด จากการทะลักมาตามแนวชายแดน แม้ไม่ได้จับกุมจำนวนมากเหมือนภาคเหนือ โดยตัวเลขจนถึงวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่อีสานตอนบนถูกคุมประพฤติคดียาเสพติด 119,563 คน โดย จ.อุดรธานี มีอยู่รวม 12,814 คน ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า พบกับ ส.ส.อุดรฯตอนลงเครื่อง เขาบอกว่าจะอภิปราย รมว.ยุติธรรมจับแล้วปล่อย เป็นเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่เรามาคุยกัน วันนี้จะให้คุมประพฤติส่งรายชื่อให้ตำรวจ ไปเฝ้าระวังติดตามจับผู้ค้า ”
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ในเรือนจำกลางอุดรธานีมีผู้ถูกคุมขัง เป็นคดียาเสพติดมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่รวมผู้เสพ-ผู้ค้า ที่ยังไม่ถูกจับกุมหรือคุมประพฤติ เราให้โจทย์ไปว่าทำไมยาเสพติดระบาดมากอีสานตอนบน เพราะยาเสพติดเหล่านี้กองอยู่ฝั่งโน้น แล้วข้ามมาครั้งละแสนๆเม็ดมาระบาด อีสานตอนบนจึงเหมือนเป็นเมืองหลวงยาเสพติด อุดรธานีก็เป็นสาขาของเมืองหลวง พวกเราจึงต้องลุกขึ้นมาช่วยแก้ปัญหา ตนเองได้ไป สปป.ลาว และจีนมา คุยเรื่องสกัดสารตั้งต้น สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ความต้องการเสพยังอยู่บ้านเรา โดยเฉพาะที่อีสานตอบบนตัวเลขคุมประพฤติสูงที่สุด เช่น ภาค 1 สี่หมื่นกว่า , ภาคสอง สี่หมื่นแปด สถานการณ์ตอนนี้ ตำรวจกลายเป็นผู้ต้องหาของประชาชน รัฐบาลก็เป็นผู้ถูกท้าท้าย ก็มีความหวังจากตำรวจด้วย ตำรวจจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น วันนี้จึงมาเพื่อให้กำลังใจ และอะไรที่จะสามารถเอื้อให้การทำงานดีขึ้นก็ยินดีสนับสนุน อาทิ รางวัลนำจับจากเดิม 2.5 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เหตุคนคลุ้มคลั่งนั้นทางหน่วยงานจองเราได้เก็บข้อมูลจากทั่วประเทศ ในช่องทางข้อมูลข่าว หรือช่องทางออนไลน์ เอาไว้ โดยได้เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้เหตุลดลง แต่ก็ยังไม่ยั่งยืน คนที่ป่วยทางจิตเวช หากเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตในชุมชนได้ถือว่า เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่ตอนนี้เป็นการทำงานเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ซึ่งต่อไปทางบริหารหาแนวทางในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ส่วนการทำงานปราบปรามยาเสพติดพึ่งพอใจของตำรวจ 71เปอร์เซ็นต์ ฝ่ายปกครอง 52. เปอร์เซ็นต์ สาธารณะสุขในพื้นที่ 51เปอร์เซ็นต์
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า การมียาบ้าไว้ในความครอบครองไม่ว่ากี่เม็ดนั้น ในทางกฎหมายถือว่าผิดอยู่แล้ว และที่เรากำหนด 5 เม็ด ให้สันนิฐานว่าเป็นผู้เสพ หรืออยู่ในกลุ่มผู้เสพนั้น ก็เพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งหลักสำคัญตำรวจต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยตัวเลขการครอบครองยาบ้าดังกล่าวนั้น มีมาก่อนรัฐบาลนี้แล้ว แต่ในอดีตทางเราก็ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ซึ่งทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คือหลักการที่เราเพียงไปมองแต่ว่าคนกลุ่มหนึ่งที่สมัครใจเข้าไปบำบัดรักษา ที่ในกฎหมายเราเขียนไว้ว่า เราต้องการแต่ผู้เสพที่ยังไม่ถึงขั้นติดยาอยากให้เข้ารับการรักษา เพื่อให้คนที่ก้าวพลาดนำสู่ขบวนการลำบัดรักษาจากหมอ ให้กลับคืนมาอยู่ร่วมกับสังคมได้
ส่วนผู้ที่ค้ายาเสพติด ถึงแม้ว่าไม่มียาเสพติดเลยก็ต้องถูกจับ จากหลักฐานการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่สามารถแยกแยะพฤติกรรมของผู้เสพและผู้ค้าได้ให้เป็นมาตรฐาน หรือไกด์ไลน์เท่านั้น แต่ในทางการปฏิบัติ ไม่ได้เอาจำนวนเม็ดยามาใช้ จะอย่างไรก็ตามทางกฎหมายยาเสพติด ไม่ได้บัญญัติว่าไม่เป็นความผิด แต่บัญญัติในเชิงผู้ที่สมัครใจ หรือคนที่ถูกสันนิษฐานก่อนเข้าไปรักษาบำบัด แต่หากยังรักษาไม่หายก็ยังมีความผิด และหากรักษาหายแล้วก็จะมีหลักฐาน ซึ่งอาจจะเป็นการนิรโทษกรรมกลายๆเท่านั้นเอง